MGRออนไลน์ -- ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ M&P ของสมิธแอนด์เวสสัน ไม่ผ่านการพิจารณาในรอบคัดเลือก และ ไม่สามารถไปต่อ.. เข้าสู่การทดสอบในขั้นต่อไปได้ เรื่องนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้แก่วงการอาวุธปืน ทั้งๆ ที่ S&W M&P ซึ่งเป็นปืนสัญชาติอเมริกันแท้ๆ เพียงกระบอกเดียว เป็น "เต็งหนึ่ง" มาตลอด ในกระบวนการจัดหาปืนพกมาตรฐาน (Standard Side Arms) รุ่นใหม่ สำหรับกองทัพบกสหรัฐ ซึ่งเริ่มเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ปืนดีที่สุดที่ S&W กับพันธมิตร หมายมั่นปั้นมือ ได้พลาดโอกาสที่จะได้ผลิตและจำหน่าย ให้กองทัพบกสหรัฐ เป็นจำนวนหลายแสนกระบอก ตลอดหลายปีข้างหน้า เพื่อแทนที่เบเร็ตตา M9 (Beretta M9) ที่เริ่มเสื่อม เพราะใกล้หมดอายุ หลังใช้มาตั้งแต่ พ.ศ.2528 คือกว่า 30 ปีที่แล้ว
สมิธฯ M&P ออกแบบมาอย่างสวยงาม ด้วยโครงโพลิเมอร์กับชุดยิงเหล็กกล้าแสตนเลสสตีล แทงชนวนแบบเข็มพุ่ง (Striker-Fire) น้ำหนักเบา มีความแม่นยำสูง มีให้เลือกหลายขนาด ประกับด้ามถอดเปลี่ยนได้ ให้เข้าพอดีกับอุ้งมือขนาดต่างๆ ซึ่งเป็นนวัตรกรรมที่สมิธออกแบบมาใน M&P และ ยังเป็นเป็นผู้นำในด้านนี้ ทำให้ "ปืนพลาสติก" ยี่ห้อประชานิยมอย่างกล็อก (Glock) ต้องทำบ้าง ในรุ่นใหม่ คือ ปืน Gen 4 ของค่ายนี้
ปัจจุบัน M&P 9 มม. และ M&P .40s&w สองรุ่นที่ถือเป็น "ปืนธง" ของค่าย มียอดขายสูงมากในสหรัฐ เป็นรองก็เพียง Glock 19 ที่เกิดมาก่อน นอกจากนั้นก็ยังใช้กันในหลายหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเหล่าทัพ เอฟบีไอ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในหลายรัฐทั่วประเทศ
สมิธฯ ได้ผนึกกำลังกับเจเนอรัลไดนามิกส์ (General Dynamics) เพื่อผลิต M&P ออกสู่ตลาด นี่คือกลุ่มอุตสาหกรรมอาวุธใหญ่อันดับ 5 ของโลก เป็นผู้ผลิตเครื่องบินรบ F-16 รุ่นแรกๆ ก่อนจะถูกล็อกฮีดมาร์ติน (Lockheed Martin) ซื้อสายการผลิตไป การจับมือกันระหว่างสองค่ายนี้ แสดงให้เห็นว่า S&W เตรียมการผลิต M&P ออกมาอย่างตั้งใจ เพื่อชิง "บิ๊กล็อต" โดยเฉพาะ
.
.
กระบวนการจัดหา ปืนพก "ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้" (Modular Handgun System) ของกองทัพบก ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2556 และ ทั้งวงการก็สงสัยกันมาตั้งแต่วันแรกๆ ว่า แท้จริงแล้วมันคืออะไร มีรายละเอียดอย่างไร โดยมีเพียงบริษัทที่เข้าร่วมขันแข่งประกวดราคาเท่านั้น ที่จะทราบนิยามอันแท้จริง กับความต้องการในเบื้องลึกของกองทัพ
อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการทหารก็จะเป็นความลับ และ ผู้เข้าร่วมการประกวดราคา จะต้องเก็บทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความลับตามกฎหมาย ที่มีบทลงโทษรุนแรงมาก แต่นั้นมาโลกภายนอกก็แทบจะไม่ได้รู้อะไร
ความมาแตกในวันที่ 24 ก.ย. เมื่อสมิธแอนด์เวสสัน แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์นครนิวยอร์ก ระบุว่าได้รับแจ้งจากกองทัพบกสหรัฐ ปืน M&P ไม่ผ่านการพิจารณาในชั้นแรก ในโครงการ MHS และ ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการทดสอบต่อไปได้ ข่าวนี้ทำให้ราคาหุ้น S&W ตกกราวรูด และ เมื่ออุตสาหกรรมอาวุธปืน ไหวตัวทันข่าวสารในข้ามวันต่อมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ก็จึงดังขึ้นตั้งแต่บัดนั้น
เสียงส่วนใหญ่ตั้งคำถามอย่างงวยงงสงสัยว่า กองทัพกำลังมองหาปืนแบบไหน มีการตั้งธงล่วงหน้าเอาไว้หรือไม่ อย่างไร.. S&W กลายเป็นผู้เสนอตัวรายแรกที่ถูกคัดออก จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญในวงการจำนวนไม่น้อย เชื่อว่ากองทัพบกกำลังมองไปยัง Glock 17 กับ Glock 22 ซึ่งเป็นขนาด 9 มม. และ .40 ตามลำดับ เช่นเดียวกันกับ M&P ของสมิธฯ
.
.
*แข่งเดือด ใครดีใครได้*
ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่ Glock ทั้งสองรุ่น อย่างที่กล่าวมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับปืนดีจากออสเตรีย แม้จะได้รับความนิยมเชื่อถือ และขายดิบขายดีในตลาด กล็อกก็ยังไม่อาจจะลอยลำเข้าเส้นชัยได้ง่ายๆ คู่แข่งที่เหลืออยู่ ล้วนพัฒนาปืนดีไซน์ใหม่เอี่ยมลงสนาม เกือบทุกกระบอกที่เสนอตัว ล้วนเป็นปืนพก Full Size นำเข้าจากต่างประเทศ เช่นเดียวกับ Glock ยกเว้นเพียง P-320 ซิกซาวเออร์ (SIG Sauer) ปืนสัญชาติสวิสที่ผลิตในสหรัฐ กับ เบเร็ตตา APX ที่ประกาศว่า หากได้รับเลือก ก็จะผลิตโดยโรงงานในรัฐเทนเนสซี
P-320 เป็นปืนคุณภาพอีกกระบอกหนึ่งที่ ถูกจับตามองมากที่สุด เป็นโครงโพลิเมอร์ ดีไซน์ใหม่หมดจด สร้างขึ้นบนโครง P-250 "ปืนหลังสูง" ยอดนิยมในตลาด แต่ใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้าไป โดยอาศัยผลการสำรวจความคิดเห็น ของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ใช้ซิกฯ
ปัจจบัน P-320 เป็นเพียงกระบอกเดียว ที่ได้ชื่อเป็น Modular Handgun อย่างแท้จริง กล่าวคือ สามารถถอดเปลี่ยนขนาด (Caliber) ลำกล้อง เพื่อเปลี่ยนไปใช้กระสุนได้หลายขนาด ทั้ง 9 มม. .40 .45 และ .357sig (9.02 มม. หรือ 0.355 นิ้ว) ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของซิกเอง
.
.
อีกกระบอกหนึ่ง ที่คนในอุตสาหกรรมไม่อาจละสายตาได้ ก็คือ CZ P-09 จากสาธารณรัฐเช็ค
ชื่อ "ซีซี" (ใครจะเรียก "ซีแซ็ด" ก็ได้) เป็นที่คุ้นเคยในตลาดสหรัฐมานานแสนนาน หลายรุ่นของซีซี เป็นปืนที่มีนวัตรกรรมนำหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งดีไซน์ CZ-75D กับ CZ-75 P01 ก่อนหน้านี้ และ P-07 รุ่นล่าสุด เป็นสามกระบอกที่มียอดขายสูงมาก ทั้งในตลาดสหรัฐและทั่วโลก รวมทั้งในไทยซึ่งเป็นตลาดอาวุธปืนใหญ่ที่สุดในย่านนี้ด้วย
CZ P-09 ก็คือ P-07 ที่ขยายให้ใหญ่ขึ้นทุกส่วน เพื่อใช้ในการทหารโดยเฉพาะ "ปืนพลาสติก" ทั้งสองกระบอกของ CZ ยังคงรักษาฟีเจอร์ยอดนิยมไว้อย่างครบถ้วน โดดเด่นด้วย "นกนอก" ที่ทหารทั้งกองทัพ คุ้นเคยมานานนับร้อยปี ตั้งแต่ยุคโคลท์ 1911 เป็นต้นมา จนถึงยุค M9 เป็นปืนเข็มพุ่งเพียงรุ่นเดียว ที่ยิงด้วยนกสับ (Hammer-Fired) ยิงได้ทั้งจังหวะเดียว (Single Action) และ สองจังหวะ (Double Action) แบบเข็มพุ่งทั่วไป
.
.
P-09 มาพร้อมกับปุ่มลดนก (Decocker) อันเป็นกลไกในปืน "หลังอ่อน" ยอดนิยมดีไซน์ 1911 ที่ทุกคนคุ้นเคยดี คือ ขึ้นนกหรือง้างนกเตรียมเหนี่ยวไก แต่ล็อกนกไว้ขณะกระสุนอยู่ในรังเพลิง ทำให้นกปืนลดลงสู่ระดับปรกติ แต่พร้อมยิง อันเป็นมาตรการเซฟตี้ยอดนิยม ผู้ใช้สามารถลั่นไกได้ทันที เพียงแต่ใช้หัวแม่มือปลดปุ่มลดนก อันนี้เป็นฟีเจอร์ที่ไม่มี ในปืนแบบเข็มพุ่งทั่วไป
ปุ่มลดนกของ P-09 มีทั้งสองด้านซ้าย-ขวา เอาใจทั้งคนถนัดซ้ายและถนัดขวา และ สามารถถอดออกโดยใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น เพื่อที่จะไม่ใช้ฟังก์ชั่นนี้ ไปใช้ปุ่มแมนนวลเซฟตี้แบบปืนเข็มพุ่งกระบอกอื่นๆ ยกเว้นกล็อก
ด้วยแม็กกาซีนมาตรฐาน ที่บรรจุกระสุน 9 มม. ได้ 19 นัด เมื่อรวมในรังเพลิงอีก 1 นัด เป็น 19+1 ทำให้ P-09 เป็น "ปืนลูกดก" อย่างแท้จริง ดกที่สุดในบรรดาคู่แข่ง อันเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่กองทัพต้องการ ไม่ว่าจะเป็น 9 มม. หรือ .40 นิ้ว ในตลาดปัจจุบัน CZ P-09 บรรจุกระสุนได้มากที่สุด โดยไม่ต้องใช้แม็กกาซีนแบบต่อขยาย
.
.
กล็อกยังมีคู่แข่งสำคัญมากๆ คือ Baretta APX ปืนเข็มพุ่งกระบอกแรกของค่ายอิตาลี เมื่อคำนึงถึงสายสัมพันธ์ ระหว่างเบเร็ตต้ากับกองทัพสหรัฐ ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา APX ก็ยิ่งเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามมาก เบเร็ตต้า M9 ผ่านศึกในทะเลทรายมาโชกโชน เจ้านี้จึงรู้ดีที่สุด จะผลิตปืนออกมาอย่างไรเพื่อใช้ในสงคราม อันเป็นสิ่งที่ผู้ผลิต "ปืนสวย" อย่าง Glock ไม่เคยมีประสบการณ์
คู่แข่งอีกกระบอกหนึ่ง คือ FN57 ปืนเข็มพุ่งโครงโพลิเมอร์จากเบลเยียม ที่มีทั้งคุณลักษณ์ และเอกลักษณ์ต่างไปจากคู่แข่งอื่นๆ เป็นม้านอกสายตาของผู้คนทั่วไปมาตลอด แต่แท้จริงแล้วปืนกระบอกนี้ ได้ชื่อเป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ที่ยังได้แม่นยำที่สุดในโลก ใช้กระสุน 5.7x28 มม. ทรงคอขวด เป็นกระสุนขนาดเล็ก ความเร็วต้นสูง และ แรงปะทะหนักหน่วง ซึ่งเป็นอีกมาตรฐานหนึ่งของกลุ่มสนธิสัญญาร่วมป้องกันแอตแลนติกเหนือ
เนื่องจากเป็นกระสุนขนาดเล็ก (เล็กกว่า 9x19 มม.พาราเบลลัม มาตรฐาน) แม็กกาซีนของ FN57 จึงบรรจุได้ถึง 19 นัด กับอีก 1 นัดในรังเพลิง กลายเป็นปืนลูกดกอีกรุ่นหนึ่ง
.
.
นี่คือปืนพกทีบริษัทอาวุธแห่งเบลเยียม (Fabrique Nationale d'Herstal) หรือ "โรงงานแห่งชาติ" ทำออกมาสนองความต้องการของกลุ่มนาโต้ เพื่อนำไปใช้แทนปืนขนาด 9 มม. จึงมีชื่อเรียกกันทั่วว่า "ปืนนาโต้" ปัจจุบัน FN57 (Five seveN) มีใช้อยู่ในกองทัพ หรือ กำลังตำรวจกว่า 40 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งในบางหน่วยของกองทัพสหรัฐเองด้วย.. จึงขึ้นอยู่กับว่า กองทัพบกต้องการแบบไหน
*US Army ต้องการอะไร*
กองทัพบกสหรัฐกำลังมองหาปืนพกกระบอกใหม่ เหตุผลก็เช่นเดียวกันกับเมื่อครั้ง เปลี่ยนจาก M1911A1 (1911) ของโคลท์ (Colt) มาเป็น M9 (เบเร็ตต้า) ในปัจจุบัน คือ ปืนสึกหรอลงเรื่อยๆ และ กำลังจะหมดอายุงานลง ส่วนประกอบปลีกย่อยต่างๆ ของปืนนั้นเปลี่ยนได้ แต่อุปกรณ์สำคัญมากที่สุด คือ โครงปืนกับลำกล้องนั้น เมื่อสึกหรอแล้วไม่มีให้เปลี่ยน และ แทนที่กองทัพบกจะให้เบเร็ตต้าผลิต M9 กระบอกใหม่ให้ เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การมองหาปืนในยุคใหม่ ก็จึงเกิดขึ้น
M9 เข้าประจำการมาจนถึงวันนี้ก็ 30 ปีเศษ และ เริ่มมีข้อบ่งชี้ที่แสดงให้เห็นการสึกหรอมากขึ้นเรื่อยๆ ทหารเริ่มบ่นเกี่ยวกับความไม่แม่นยำ เนื่องจากลำกล้องที่สึก กลไกลต่างๆ เริ่มเฉื่อย M9 เริ่มมีปัญหามากขึ้น ไม่กี่ปีมานี้จึงมีหลายหน่วยที่ใช้ปืนพกบ่อยกว่า ทะยอยเปลี่ยนไปใช้กระบอกใหม่ เช่น หน่วยเรนเยอร์ (Ranger) ใช้กล็อก 19 หน่วยนาวีซีลส์ (Navy SEALS) ใช้ P226 กับ P228 ซิกซาวเออร์ และ ในที่สุดเมื่อเร็วๆ นี้ "แมวน้ำ" ได้หันไปใช้กล็อก 22 แทน เช่นเดียวกับหน่วยเดลต้า (Delta Force)
.
2
3
4
5
6
โครงการจัดหา Modular Handgun System ไม่ได้ระบุ ขนาดหรือคาลิเบอร์อย่างเจาะจง แต่ขอให้มีฟีเจอร์ ที่สามารถใช้กระสุนได้หลายขนาด เปลี่ยนประกับด้ามปืนได้ เพื่อให้เข้ากับอุ้งมือที่มีขนาดต่างๆ กันได้ ปืนต้องใช้กับซองบรรจุกระสุน หรือ แม็กกาซีนได้หลากหลายขนาดและชนิด นอกจากนั้่นจะต้องมี "ราง" แบบปิกาตินนี (Picatinny Rail) สามารถติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเล็งต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่มีใน M9
ปืนที่กองทัพบกต้องการ ยังจะต้องผลิตด้วยวัสดุที่ไม่สะท้อนแสง และ สามารถติดอุปกรณ์เก็บเสียง (Suppressor) ได้ ซึ่งไม่มีใน M9A1 อีกเช่นกัน
ในเดือน ม.ค.2556 กองทัพบกได้ส่งเอกสาร RFI (Request for Information) ถีงบรรดาผู้ผลิตอาวุธปืน ขอข้อมูลรายละเอียดของปืนที่มีอยู่ ทั้งระบุคุณสมบัติของปืน MHS ที่ต้องการให้ทราบ โดยจะต้องมีความแม่นยำในระยะ 50 เมตร ตลอดอายุใช้งาน มีโอกาสยิงเข้าเป้าหมายวงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้วได้ในระยะดังกล่าว ตั้งแต่ 90% ขึ้นไป คงทนและวางใจได้ ในทุกสถานการณ์
คุณสมบัติอีกประการหนึ่งคือ ต้องสามารถยิงกระสุนต่อเนื่องได้ 2,000 นัด ต้องยิงได้ถึง 10,000 นัดก่อนล้มเหลว และ ต้องยิงได้ 35,000 นัดก่อนหมดอายุใช้งาน กองทัพบกยังขอให้ผู้ผลิตที่สนใจร่วมโครงการ แสดงขีดความสามารถสูงสุดในการผลิต จำนวนที่สามารถผลิตได้ต่อเดือน รวมทั้งขอราคาตั้ง สำหรับล็อตใหญ่ 250,000-500,000 กระบอก
นั่นคือตัวเลขที่ทำให้ผู้คนในอุตสาหกรรมนี้ต้องตาลุกวาว.