MRGออนไลน์ -- กองทัพบกสหรัฐได้เลือกบริษัทซิกซาวเออร์ (Sig Sauer) ให้เป็นผู้ผลิตปืนรุ่น P320 เพื่อเป็นปืนพกมาตรฐาน (Standard Issue) กระบอกใหม่ ใช้แทน M-9 ของเบเร็ตตา (Beretta) ที่ใช้งานมายาวนาน ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ช่วงหลังสงครามเวียดนาม ภายใต้สัญญาจัดหามูลค่า 580 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเริ่มยุคใหม่อีกยุคหนึ่ง สำหรับปืนพกประจำกายกำลังพลกองทัพบก
และเมื่อนับรวมกับจำนวนที่หน่วยงานอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการจัดหาของกองทัพบกจะสั่งซื้อ ยอดผลิต P320 ก็จะมีมากกว่า 500,000 กระบอก ตลอดหลายปีข้างหน้านี้
ซิกซาวเออร์ P320 ชนะ กล็อก 17 และ 19 ที่เป็น "เต็งหนึ่ง" ตลอดมา หลังจากกองทัพบก ตัดสินใจไม่เลือกสมิธแอนด์เวสสัน เอ็มแอนด์พี (Smith & Wesson M&P Series) เมื่อปลายปีที่แล้ว นอกจากนั้นก็ยังทำให้ FN "ปืนนาโต้" จากเบลเยี่ยม กับ เบเร็ตตา APX ตกไปตามกันอีกด้วย โดยไม่มีการกล่าวถึง ซีซี P-09 (CZ P-09) ปืนยอดนิยมอีกกระบอกหนึ่งจากสาธารณรัฐเช็ค
กองทัพบกดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2556 แผนการจัดหาปืนพกมาตรฐานที่เรียกว่า ปืนพก "ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้" (Modular Handgun System) บนโครงโพลิเมอร์ ซึ่งทั้งวงการสงสัยกันมาตั้งแต่วันแรกๆ ว่า แท้จริงแล้วมันคืออะไร มีรายละเอียดอย่างไร โดยมีเพียงบริษัทที่เข้าการประกวดราคาเท่านั้น ที่จะทราบนิยามอันแท้จริง กับความต้องการในเบื้องลึกของกองทัพ
กองทัพบกประกาศการตัดสินใจเลือก P320 วันพฤหัสบดี 19 ม.ค. ตามเวลาในสหรัฐ ซึ่งได้สร้างความฮือฮา แก่ผู้ไปร่วมงาน Shot Show 2017 ซึ่งเป็นงานแสดงอาวุธปืน เครื่องกระสุน และอุปกรณ์ต่อพ่วง ใหญ่สุดในโลก ที่จัดขึ้นในลาสเวกัส รัฐเนวาดา สัปดาห์นี้ โดยผู้ไปร่วมงานจำนวนไม่น้อย ต่างก็เชื่อว่ากล็อก 17 มาแรงที่สุดในบรรดาคู่แข่งที่เหลืออยู่
"เรารู้สึกเป็นเกียรติ และภูมิใจ ที่ P320 ได้รับคัดเลือก เป็นอาวุธที่ปรารถนา ของกองทัพบกสหรัฐ" นายรอน โคเฮน ซีอีโอบริษัทซิกซาวเออร์ ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง ที่รายงานในเว็บไซต์ข่าวการทหารแห่งหนึ่ง ที่ไปออกร้าน ในงาน ShotShow 2017 ด้วย
กองทัพบกเริ่มกระบวนการประกวดราคาขึ้น ในปลายเดือน ส.ค.2558 เพื่อหาปืนพกมาตรฐานใหม่เอี่ยมอ่อง ทั้งดีไซน์และเทคโนโลยี เพื่อใช้แทนเบเร็ตตา M9 ปืนพกกึ่งอันโมัติขนาด 9 มม. โดยสเตฟานี อีสเตอร์ (Stephanie Easter) ผู้บริหารฝ่ายจัดหาของกองทัพบก กล่าวถึงการตัดสินใจเลือก P320 ในวันพฤหัสบดี แต่ไม่ได้พูดอย่างเจาะจง เกี่ยวกับเหตุผล ที่ใช้ในการคัดเลือก
.
.
เป้าหมายหนึ่งของกองทัพบก ที่ประกาศก่อนหน้านี้ก็คือ การมองหาปืนพกกึ่งออโตเมติก ที่สามารถยิงด้วยกระสุนประสิทธิสูงกว่ากระสุน 9 มม. ที่ใช้ใน M9 ซึ่งเมื่อปี 2528 กองทัพเลือกใช้ แทนกระสุนขนาด .45 กับปืน 1911 ของโคลท์ การเปลี่ยนมาใช้กระสุน 9 มม. ก็เพื่อให้สามารถเข้ากันได้ กับกลุ่มนาโต้ชาติอื่นๆ นั่นเอง
แต่กองทัพบกก็ยังไมใคยเปิดเผยว่า จะเลือกใช้กระสุนขนาดไหน แทนกระสุน 9 มม. และ ข่าวที่ออกมาก็มักจะสร้างความสับสน อยู่บ่อยๆ
เว็บไซต์ข่าวกลาโหมแห่งหนึ่ง อ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าว ที่ระบุว่า ซิกซาวเออร์เสนอให้พิจารณา ทั้ง P320 ที่ยิงกระสุน .40 S&W กับ กระสุน 9x19 และ กองทัพบกได้เลือก P320 กับชุดยิง ที่จะใช้กระสุน 9 มม.เป็นมาตรฐานต่อไป
อย่างไรก็ตาม P320 เป็นปืน Modular Handgun System อย่างแท้จริงเพียงกระบอกเดียว ที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบัน โดยสามารถถอดเปลี่ยนชุดยิงได้ ในเวลาเพียงไม่เกิน 1 นาที เพื่อเปลี่ยนไปใช้กระสุน ขนาดอื่นๆ ทั้ง 9x9 ขนาด .40S&W .45 ของโค้ลท์ และ .357SIG ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของซิกเอง
ซิกซาวเออร์ ออกแบบและผลิต P320 ออกมา เพื่อชิงออร์เดอร์ 5 แสนกระบอกของฝ่ายกองทัพเป็นการเฉพาะ โดยผลอตจากโรงงานของซิกฯ ในสหรัฐ
.
2
3
4
5
เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว กองทัพบกได้ตัดปืน M&P ขนาด 9x19 และ .40 ออกไป โดยไม่ผ่านการพิจารณาคัดเลือก ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริด ของคนในอุตสาหกรรม ที่ต่างก็ไม่เข้าใจความต้องการอันแท้จริงของกองทัพ นอกจากนั้น S&W ก็ยังเป็นปืนสัญชาติอเมริกันแท้ๆ และ M&P ก็เป็นปืนแบบเข็มพุ่ง (Striker-Fired) ที่ขายดีในอันดับต้นๆ อีกกระบอกหนึ่ง
ต่อมาในเดือน ธ.ค. กองทัพบกได้พิจารณาแคบลงอีก โดยคัดเลือกปืนคู่แข่งเอาไว้รอบสุดท้ายเพียง 2 สองรุ่น คือ ซิกฯ กับกล็อก โดยกล็อก เสนอทั้ง Glock 17 และ Glock 19 และ วงการต่างเชื่อกันว่า กล็อกมีโอกาสดีที่สุด ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน จะยังไม่มีปืน MHS ของตน ในท้องตลาดก็ตาม
การตัดสินใจเลือก P320 เป็นการสิ้นสุดยุคทอง 30 ปี ของบาเร็ตตา M9 ในขณะนายเกเบรียล เดอ พลาโน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและอำนวยการ ของ Beretta Defense Technologies กล่าวว่า บริษัทของเขา กำลังศึกษารายละเอียด ในคำแถลงทั้งหมดของกองทัพบก เพื่อความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และ ไม่ยอมให้ความเห็นใดๆ อีก
เบเร็ตตากล่าวก่อนหน้านี้ว่า ถ้าหาก APX ซึ่งเป็นปืนแบบเข็มพุ่ง กระบอกแรกของค่ายนี้ ได้รับการคัดเลือกจากกองทัพบก ก็จะเปิดสายการผลิตขึ้น ที่โรงงานในสหรัฐ
ก่อนหน้านั้น ในเดือน ธ.ค.2557 เบเร็ตตา ได้ผลิต M9A3 บนโครงโพลิเมอร์ออกมา เป็นการปรับปรุง M9 ครั้งใหญ่ มีการเพิ่มรางพิกาตินนิ เข้าไปใต้โครงปืนด้านหน้า อันเป็นคุณสมบัติสำคัญ ที่กองทัพบกระบุในหนังสือเชิญชวน ซึ่งฟีเจอร์ฯ นี้ไม่มีใน M9 แต่ M9A3 ก็ถูกปฏิเสธ โดยกองทัพกล่าวว่า ต้องการปืนโครงโพลิเมอร์ดีไซน์ใหม่หมดจด ซึ่งนำมาสู่การก่อเกิดของเบเร็ตตา APX
ตามแผนการปัจจุบัน กองทัพบกกำลังจะจัดซื้อปืน MHS ขนาดฟูลไซ้ส์ (ลำกล้อง 4.5-5 นิ้ว) จำนวน 280,000 กระบอก และ ปืนขนาดซับคอมแพ็คต์ พกพาซุกซ่อนอีกราว 7,000 กระบอก หน่วยงานอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะซื้ออีก 212,000 กระบอก.