รอยเตอร์ - นายเซอร์เก ปุน นักธุรกิจชาวพม่าที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในเอเชีย เผยว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนางอองซานซูจี ละเลยการปฏิรูปเศรษฐกิจที่มีความจำเป็นอย่างมากของประเทศ
ปุน เป็นเจ้าของบริษัท First Myanmar Investment ที่ครอบคลุมกิจการตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงธนาคาร เรียกร้องให้ทางการพม่าเพิ่มความสนใจมากขึ้นต่อการเติบโตของประเทศที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาค และกล่าวว่า เศรษฐกิจของพม่านั้นมีผลงาน “ไม่ดีพอ” ในช่วงเวลากว่า 1 ปี ที่ซูจี เข้าครองอำนาจจากการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์
การเติบโตทางเศรษฐกิจของพม่า แม้จะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่กลับชะลอตัวลงนับตั้งแต่ซูจี เข้ากุมอำนาจ โดยมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศนั้นลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนการเติบโตของจีดีพี ก็ปรับตัวลดลงเหลือ 6.3% ในปี 2559 ซึ่งเป็นอัตราที่น้อยกว่าปีก่อนหน้า
“พวกเขาละเลยในด้านเศรษฐกิจ พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเศรษฐกิจ” ปุน กล่าว
ซูจี ให้ความสำคัญต่อการยุติการสู้รบนานหลายสิบปีระหว่างทหาร และกลุ่มกบฏชาติพันธุ์เป็นลำดับต้นของการบริหารประเทศ แต่ปุน กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
ขณะที่ซูจี ประสบความสำเร็จต่อกระบวนการสร้างสันติภาพของพม่า แต่ปุน กล่าวว่า หากปราศจากเศรษฐกิจที่สดใส เป้าหมายเหล่านั้นอาจเปราะบาง และสันติภาพอาจไม่ยั่งยืน
ความเห็นของเซอร์เก ปุน มีขึ้นในช่วงเวลาที่ซูจีกำลังดิ้นรนต่อสู้ที่จะตอบสนองความคาดหวังสูงลิ่วของประชาชนซึ่งมาพร้อมกับการก้าวเข้าสู่อำนาจของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปีก่อน
นอกเหนือจากการชะลอตัวในการเติบโต ซูจี ยังต้องรับมือต่อกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ และวิกฤตในรัฐยะไข่ ที่ความตึงเครียดระหว่างชาวมุสลิม และชาวพุทธขยายตัวเพิ่มสูง
ปุน กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องสร้างระบบราชการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และกรอบทางกฎหมายที่เอื้อต่อการลงทุน.