รอยเตอร์ - ผู้สืบสวนด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ระบุว่า พม่าควรรับรองสิทธิ และการดูแลสุขภาพของเด็กจากชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญาที่ถูกควบคุมตัวไว้จากการปราบปรามของทหารที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือน ต.ค.
เด็กอายุราว 10 ปี ในกลุ่มผู้ชายจำนวนหลายร้อยคนถูกควบคุมตัวจากข้อหาคบค้ากับผู้ก่อความไม่สงบโรฮิงญา ตามการกล่าวอ้างในเอกสารของตำรวจที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้
เด็ก 13 คน อยู่ในกลุ่มผู้ที่ถูกจับกุมตัวกว่า 400 คน จากการปราบปรามทางทหารที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. หลังผู้ก่อความไม่สงบโจมตีด่านชายแดนในรัฐยะไข่ ใกล้พรมแดนบังกลาเทศ ตามเอกสารของตำรวจที่ลงวันที่ 7 มี.ค.
การโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบดังกล่าวก่อให้เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ภายใต้การบริหารประเทศปีแรกของนางอองซานซูจี ที่ทำให้ชาวโรฮิงญากว่า 75,000 คน ต้องหลบหนีการปราบปรามของทหารเข้าไปหลบภัยในฝั่งบังกลาเทศ
ยางฮี ลี ผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนในพม่าของสหประชาชาติ กล่าวต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในนครเจนีวา ว่า เด็กไม่ควรถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และรัฐบาลควรรับประกันสิทธิของเด็กที่จะได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสม
“ฉันเตือนรัฐบาลพม่าว่า การควบคุมตัวเด็กอย่างเคร่งครัดควรเป็นทางเลือกสุดท้าย และเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นที่สุด และต้องปฏิบัติด้วยความเคารพ และมีมนุษยธรรมโดยคำนึงถึงอายุของพวกเขา” ยางฮี ลี กล่าว
ผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนผู้นี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการสืบสวนการเสียชีวิตของเด็ก ที่รัฐบาลระบุว่า เสียชีวิตเพราะสุขภาพไม่ดีในเดือน ก.พ. แต่รัฐบาลเพิ่งจะรายงานเมื่อสัปดาห์ก่อน
รายงานของสหประชาชาติ ที่มาจากการสัมภาษณ์ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในบังกลาเทศ ระบุว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของพม่าได้ก่อเหตุสังหารหมู่ และข่มขืนชาวโรฮิงญาระหว่างการปราบปราม ที่อาจเทียบได้กับการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
แต่ทหารได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ โดยระบุว่า ทหารนั้นปฏิบัติการปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ยางฮี ลี ยังเรียกร้องให้พม่าให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ต่อภารกิจค้นหาข้อเท็จจริงของสหประชาชาติที่ตั้งขึ้นเมื่อไม่นานนี้ เพื่อสืบสวนข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนของทหาร แต่ซูจี คัดค้านภารกิจดังกล่าว โดยระบุว่า ภารกิจมีแต่จะสร้างความเป็นปรปักษ์กันมากขึ้นระหว่างชุมชน.