รอยเตอร์ - นางอองซานซูจี ผู้นำโดยพฤตินัยของพม่า ระบุว่า การสืบสวนของสหประชาชาติในข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิของทหารพม่าต่อชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาเมื่อปีก่อน จะยิ่งก่อความตึงเครียดทางชาติพันธุ์
ในเดือนที่ผ่านมา สหประชาชาติได้แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้นำภารกิจค้นหาข้อเท็จจริงเพื่อสืบสวนข้อกล่าวหาที่ระบุว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของพม่า ได้กระทำการสังหาร ข่มขืน และทรมานชาวมุสลิมโรฮิงญา ซึ่งทางการพม่าได้ปฏิเสธภารกิจดังกล่าว
“มันจะยิ่งสร้างความรู้สึกเป็นศัตรูกันระหว่างชุมชน” อองซานซูจี กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในกรุงสตอกโฮล์ม หลังการพบหารือกับนายกรัฐมนตรีของสวีเดน
“เราไม่รู้สึกว่ามันสอดคล้องต่อความต้องการของเราในสิ่งที่เรากำลังพยายามสร้างความสมานฉันท์ สามัคคี และความเข้าใจ และขจัดความหวาดกลัวที่ทำให้สองชุมชนแยกห่างออกจากกันมาเป็นเวลานาน” ซูจี กล่าว
เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพวัย 71 ปี ยังกล่าวว่า พม่าจะยอมรับเพียงคำแนะนำจากคณะกรรมการที่ปรึกษาภายใต้การนำของนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ
“ฉันคิดว่าเราควรให้โอกาสคณะกรรมการได้แสดงผลงานว่าพวกเขาทำงานได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ แทนที่จะกล่าวตำหนิตั้งแต่เริ่มต้น” ซูจี กล่าว
รายงานของสหประชาชาติเมื่อเดือน ก.พ. ระบุว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของพม่าได้กระทำการสังหารหมู่ และข่มขืนระหว่างดำเนินการปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบที่มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และการล้างเผ่าพันธุ์ โดยรายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มาจากการสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตชาวโรฮิงญาในบังกลาเทศ
ชาวโรฮิงญาประมาณ 75,000 คน ได้หลบหนีออกจากรัฐยะไข่ มาบังกลาเทศเพื่อหนีการปราบปรามทางทหารเมื่อปีก่อนที่เกิดขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 9 นาย ถูกสังหารในการโจมตีที่พม่ากล่าวโทษว่า เป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายชาวโรฮิงญา.