MGRออนไลน์ -- นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนซวนฟุก ประกาศสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจะมีมาตรการลงโทษทางวินัย ต่อพนักงานลูกจ้างของรัฐ รวมทั้งหัวหน้าหน่วยงาน ที่ไม่สามารถสร้างผลงาน ได้ตามเป้าหมายที่ได้รับมอบหมาย ในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของชาติ เพราะถือว่าทุกคนเป็นกลไกลที่สำคัญ ถ้าหากกลไกอ่อนล้าก็จะต้องแก้ไข
นายกรัฐมนตรีเวียดนามเป็นประธาน ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันเสาร์ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังกลับจากเดินทางเยือนสหรัฐ ซึ่งเป็นการประชุม ครม.ครั้งที่ 5 ในปีนี้
นายฟุกได้เน้นให้เห็นปัจจุบัยบวกในการพัฒนาประเทศ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี ซึ่งรวมทั้งอัตราเฟ้อของเงินด่งที่ลดลงต่ำมาก และการเงินของประเทศมีเสถียรภาพที่สุด เป็นแรงดึงดูดสำคัญสำหรับการลงทุน แต่ขณะเดียวกัน ในช่วง 6 เดือนหลังของปีรัฐบาลได้มองเห็นความท้าทาย รออยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมทั้งการผลิตอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลง -5.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และ การใช้จ่ายเงินลงทุนที่ล่าช้า กับการขาดดุลการค้าที่ยังลดลงไม่ถึงเป้า
"ใครเป็นผู้รับผิดชอบแต่เป้าหมายเหล่านี้?" นรม.เวียดนามตั้งคำถามต่อที่ประชุม ครม. ทั้งสำทับว่า จะต้องรีบแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ รีบดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ต้องกำกับดูแลกลไกการทำงานทุกระดับ ให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดปฏิบัติงานให้ได้ตามเป้าหมายที่วางออก ไม่เช่นนั้นก็จะมีการลงโทษทางวินัย จะยกเว้นให้ก็เฉพาะในกรณีที่เกิดภัยพิบัตทางธรรมชาติรุนแรง เช่นที่เกิดขึ้นเมือปีที่แล้วเท่านั้น สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรสรายงาน
การปฏิบัติการให้ได้ตามตัวเลขเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ เป็นภารกิจโดยตรงของเจ้าหน้าที่รัฐ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องสนองนโยบายของรัฐบาล สนองทิศทางกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ ที่ได้รับอนุมัติผ่านจากรัฐสภา
ก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ รัฐบาลเวียดนนามได้ประกาศมาตรการ 24 ข้อ ในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการขยายตัวการผลิตอุตสาหกรรม เพื่อสนองการขยายตัวของผลิตมวลรวมภายในประเทศ 6.7% ในปีนี้ ซึ่งในนั้นภาระหนักตกอยู่ที่ "กระทรวงเศรษฐกิจ" 6 กระทรวงหลักที่จะต้องทำงานอย่างสอดคล้องกัน ตามเป้าหมายของแต่ละฝ่าย ในช่วง 6 เดือนที่เหลืออยู่
ตามรายงานของสำนักข่าวเวียดนาม (Vietnam News Agency) รัฐบาลตั้งเป้าหมาย ให้ภาคการเกษตรจะต้องขยายตัว 3.05% ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมต้องเพิมขึ้น 7.91% ภาคบริการ 7.19% ในนั้นการท่องเที่ยวต้องขยายตัว 30%
จีดีพีเวียดนามขยายตัวเพียง 5.1% ในไตรมาสแรกของปี นับเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 3 ปี เทียบกับช่วงเดียวกัน เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลประกาศ จะเร่งแก้ไขเร่งด่วน ด้วยการเพิ่มผลผลิตในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติกับน้ำมันดิบ
รัฐสภาเวียดนามที่เพิ่งปิดการประชุสมัยสามัญต้นปีเมื่อไม่นานมานี้ ได้ซักไซ้รัฐบาลอย่างหนัก หลังจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ มีผลผลิตต่ำมาก และ แนะนำให้เร่งการเติบโตแขนงอื่นๆ ชดเชย ทั้งนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นอีกเศรษฐกิจหนึ่ง ที่เติบโตเร็วและในอัตราสูงที่สุดในย่านนี้
ธนาคารพัฒนาเอเชียออกรายงานคาดการณ์ เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มองว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 6.5% ในปีนี้ เป็นการปรับตัวเลขขึ้นจาก 6.3% เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว และ จะขยายตัวสูงขึ้นเป็น 6.7% ปีหน้า.
.