รอยเตอร์ - เวียดนามจะพักการให้สัตยาบันต่อข้อตกลงการค้าภาคพื้นแปซิฟิก ที่มีสหรัฐฯ เป็นแกนนำไว้ชั่วคราว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐฯ แต่ยังต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับวอชิงตันให้มากเท่ากับที่เวียดนามมีกับประเทศอื่นๆ ทั้งหมด นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (17)
สภานิติบัญญัติของเวียดนามเกือบให้สัตยาบันต่อความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership - TPP) ที่ตกลงกันเมื่อปีก่อน แต่ได้เลื่อนเวลาออกไปจนกระทั่งหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เป็นผู้คว้าชัย และมีนโยบายกีดกันทางการค้าที่เสนอไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งสร้างความวิตกต่อเศรษฐกิจเอเชีย
ข้อตกลง TPP ที่เป็นนโยบายเศรษฐกิจการปรับสมดุลมายังภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ดูเหมือนจะมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น ด้วยสภาคองเกรส ที่สมาชิกส่วนใหญ่มาจากพรรครีพับลิกัน และว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เรียกข้อตกลงนี้ว่าเป็น “ภัยพิบัติ”
ข้อตกลง TPP จะเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงสำหรับเศรษฐกิจการผลิตและส่งออกของเวียดนาม ที่กำลังรับการลงทุนจากต่างชาติเนื่องจากบรรลุข้อตกลงการค้าหลายฉบับ มีแรงงานราคาถูก และมีเสถียรภาพ
“สหรัฐฯ ได้ประกาศระงับการยื่นเสนอการพิจารณาข้อตกลง TPP ต่อรัฐสภา ดังนั้น จึงไม่มีเงื่อนไขที่เพียงพอสำหรับเวียดนามที่จะยื่นข้อเสนอเพื่อการให้สัตยาบัน” นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก กล่าวต่อรัฐสภา
การตอบสนองของชาติเอเชียหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ต่อข้อตกลง TPP นั้นแตกต่างหลากหลายกันไป ตั้งแต่ข้อเสนอแนะจากมาเลเซีย ที่ระบุว่า จะมุ่งความพยายามในการสรุปข้อตกลงการค้าหลายฝ่ายที่นำโดยจีน หรือญี่ปุ่นที่พยายามจะยึดติดกับข้อตกลง TPP และผลักดันการให้สัตยาบัน
TPP เป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วของความสัมพันธ์ระหว่างอดีตศัตรูสงครามเวียดนาม และสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ที่ขยายตัวขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมกันกับความไม่ลงรอยระหว่างฮานอย และปักกิ่งเกี่ยวกับปัญหาทะเลจีนใต้
แต่กระนั้น พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้พยายามรักษาสมดุลอันซับซ้อนด้วยการจัดการอย่างระมัดระวังมานานหลายปี ในความพยายามที่จะขยายเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างพันธมิตร ขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องการที่จะกลายเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาอาศัยชาติใดชาติหนึ่งในด้านความมั่นคง การค้า และการลงทุนจนมากเกินไป
ผู้นำเวียดนาม กล่าวว่า การมีหรือไม่มีข้อตกลง TPP นั้น เวียดนามยังมุ่งมั่นที่จะเปิดเศรษฐกิจของประเทศไปทั่วโลก พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า การส่งออกของประเทศในปีนี้ที่จะขยายตัวที่ร้อยละ 8
“เราได้ลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรี 12 ฉบับ ดังนั้น การเข้าร่วมข้อตกลง TPP ถือเป็นเรื่องดี แต่หากไม่ได้เข้าร่วม TPP เราก็จะยังคงบูรณาการเศรษฐกิจต่อไปภายใต้โครงการอื่นๆ ที่เราได้เข้าร่วมด้วย” นายกฯเหวียน ซวน ฟุ้ก กล่าว
ความเห็นของผู้นำเวียดนามยังสะท้อนความเห็นของกระทรวงการค้าเวียดนามที่ระบุไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ภาคส่วนสิ่งทอ อาหารทะเล และรองเท้า จะยังคงอยู่ในการแข่งขันบนตลาดโลกได้โดยไม่ต้องมีข้อตกลง TPP
นายกฯ ฟุ้ก กล่าวว่า ความสัมพันธ์กับคณะบริหารของสหรัฐฯ จะยังคงแข็งแกร่ง แต่เขาย้ำว่าเวียดนามมุ่งมั่นที่จะยึดโยงอยู่กับนโยบายต่างประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน
“พรรค รัฐ มีการดำเนินนโยบายที่มุ่งความสัมพันธ์หลากหลายและหลายฝ่าย และพิจารณาทุกประเทศในฐานะเพื่อน เราพร้อมที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ สำหรับการพัฒนาร่วมกันบนหลักการของความเคารพในเอกราช อธิปไตยเหนือดินแดน ที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อกัน และด้วยจิตวิญญาณดังกล่าว ผมเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม และสหรัฐฯ จะดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้นี้” ผู้นำเวียดนาม กล่าว.