xs
xsm
sm
md
lg

In Clips : อียูหนีตายคำขู่ทรัมป์ ออกด่วนแผนปกป้องแผ่นดินยุโรปจากรัสเซีย แต่ รมว.ฝรั่งเศสกร้าว “ถือเป็นโอกาสแยกจากวอชิงตัน” - โอบามากล่อม “ทรัมป์พูดเอง จะยอมให้สหรัฐฯ ช่วยนาโตต่อ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/รอยเตอร์/เอพี - เมื่อวานนี้ (14 พ.ย.) รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศของชาติสมาชิกสหภาพยุโรป ตกลงในกรุงบรัสเซลส์ ออกนโนยบายทางการทหารและเพิ่มบทบาททางด้านความมั่นคง เพื่อเตรียมพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัทป์ ได้ประกาศขู่วอชิงตันจะไม่ช่วยนาโตทุกครั้งเหมือนเช่นอดีต ด้าน รมว.กลาโหมฝรั่งเศส ฌอง-อีฟส์ เลอ ดริญอง (Jean-Yves Le Drian) ส่งสัญญาณแรงกลับ กร้าว “ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการเป็นอิสระด้านการทหารจากวอชิงตัน” ส่วนประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ออกแถลงสดครั้งแรกหลังพบกับทรัมป์กลางทำเนียบขาวยืนยัน ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไปรับปากจะยังคงให้การช่วยเหลือนาโตต่อ ก่อนประกาศ “อเมริกานั้นยิ่งใหญ่” เกินกว่าผลเลือกตั้งแค่ครั้งเดียวจะลบอิทธิพลอเมริกาออกจากโลกทั้งหมดได้

บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (14 พ.ย.) ว่า หัวหน้านโยบายต่างประเทศและความมั่นคงสหภาพยุโรป เฟเดริกา โมเกรินี (Federica Mogherini) ย้ำว่า สหภาพยุโรปไม่ต้องการที่จะแข่งขันด้านความมั่นคงและการทหารกับนาโต หรือคิดสร้างกองกำลังยุโรปขึ้นมา

และยังอ้างต่อว่า นโยบายความมั่นคงปกป้องมาตุภูมิยุโรปที่ออกมาจากที่ประชุมฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศของชาติสมาชิกสหภาพยุโรปในวันจันทร์ (14 ) นั้น เป็นสิ่งที่ทางสหภาพยุโรปได้พิจารณาก่อนหน้าที่จะมีการประกาศผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่มี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะ

ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างการหาเสียงของทรัมป์ เขาได้เคยประกาศว่า วอชิงตันจะไม่ออกมาช่วยนาโตทันทีเหมือนเช่นทุกครั้งหากทางนาโตถูกโจมตี โดยที่ทรัมป์ได้ให้เหตุผลโดยอ้างว่า มีหลายชาติพันธมิตรยุโรปใช้เงินจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับงบประมาณความมั่นคงปกป้องอธิปไตยประเทศ

ในการแถลงข่าว โมเกรินีกล่าวว่า “นี่ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในความมั่นคงและการปกป้องดินแดนของสหภาพยุโรป” ด้านรัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส ฌอง-อีฟส์ เลอ ดริญอง (Jean-Yves Le Drian )ย้ำว่า “ยุโรปจำเป็นต้องมีสามารถปกป้องตัวเองได้”

รอยเตอร์รายงานว่า และในแถลงการณ์ของเลอ ดริญอง ยังชี้ต่อว่า “นี่จะทำให้ยุโรปสามารถก้าวไปสู่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการเป็นอิสระ” ซึ่งรอยเตอร์ชี้ว่า รมว.กลาโหมแดนน้ำหอมใช้ภาษาที่สื่อให้รับรู้ว่า ยุโรปกำลังจะไม่ต้องการพึ่งพาจากวอชิงตันอีกต่อไป

โดยแผนการนโยบายความมั่นคงของสหภาพยุโรปในรายงานจำนวน 16 หน้านั้น ได้ระบุในรายละเอียดลิสต์งานต้องทำ พร้อมกับเป้าหมายอย่างชัดเจน แต่ทว่ารอยเตอร์ระบุว่า กลับพบว่ามีจำนวนมากยังคงมีความเสี่ยงอย่างที่ไม่สามารถจับต้องได้ และอีกทั้งไม่มีการระบุเพิ่มเงินอุดหนุนสำหรับปฎิบัติการต่างๆ

ถึงแม้ว่าทางโมเกรินีจะออกมาอ้างว่า แผนการครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับชัยชนะของทรัมป์ แต่ทว่าดูเหมือนเป็นการสอดคล้องที่บังเอิญจนเกินไป ซึ่งหัวหน้านโยบายต่างประเทศและความมั่นคงสหภาพยุโรปได้ระบุอ้างอิงไปถึงกองกำลังยุโรปของตัวเองว่า มีการสนับสนุนจากรัฐบาลชาติสมาชิกยุโรปที่เอยู่ในรูป “กองกำลังยุโรปจำนวน 1,500 นาย” ซึ่งได้เริ่มต้นจัดตั้งตั้งแต่ปี 2007 แต่ทว่าทางสหภาพยุโรปไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะเรียกใช้

นอกจากนี้ยังพบว่า ข้อตกลงความมั่นคงอียูในวันจันทร์ (14 พ.ย.) นี้จะยังคงต้องให้ผู้นำชาติสมาชิกยุโรปสรุปอีกครั้งในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ในขณะที่เม็ดเงินที่จะมาอุดหนุนแผนการครั้งนี้ รอยเตอร์ชี้ว่า จะตกเป็นหน้าที่ของบรรดาเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปที่ต้องหาทางออกในปีถัดไป และในส่วนข้อเสนอสำหรับการจัดตั่งสำนักงานความมั่นคงสหภาพยุโรปนั้นถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นการให้ความสนใจด้านภารกิจพลเรือนแทน

รอยเตอร์รายงานอีกว่า ทรัมป์ได้เคยประกาศในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ที่จะรื้อนโยบายการให้ความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ต่อยุโรป ที่ทางชาติยุโรปได่้เคยได้รับมาอย่างยาวนานร่วม 70 ปี หรือตั้งแต่สงครามโลกครั้ง 2 ได้ยุติลง ในเงื่อนไขที่ว่า หากว่ายุโรปยังไม่ยอมที่จะลงเม็ดเงินมากขึ้นในนโยบายการปกป้องประเทศของตัวเอง

และทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดน มาร์ก็อต วอลสตอร์ม (Margot Wallstrom) ต้องออกมายอมรับในเรื่องนี้ว่า “เป็นข้อความที่ชัดเจนส่งมายังพวกเราทุกคน เพื่อที่จะทำให้รู่ว่าพวกเราจะสามารถเพิ่มและปรับปรุงศักยภาพความร่วมมือได้อย่างไร” แต่อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์รายงานว่า สวีเดนนั้นไม่ใช่เป็นประเทศที่อยู่ร่วมในสมาชิกกองกำลังนาโต

จากรายงานพบว่า จากจำนวนชาติสมาชิกทั้งหมดของสหภาพยุโรป มีเพียงแค่ 5 ชาติสมาชิกเท่านั้นที่สามารถนำเงินอุดหนุน 2% ของตัวเลข GDP ของตัวเอง เพื่อใช้ในงบประมาณทางทหารตามเป้าหมายข้อกำหนดของนาโตได้สำเร็จ ซึ่งรวมไปถึงอังกฤษ ในขณะที่อีก 10 ชาติตั้งเป้าที่จะทำให้สำเร็จให้ได้ในอนาคต

และทำให้รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ไมเคิล แฟลลอน (Michael Fallon) ออกมาชี้ว่า จากข้อมูลนี้ชี้ได้ว่า มีแค่จำนวนครึ่งเดียวของชาติสมาชิกนาโตที่มีศักยภาพสามารถให้งบอุดหนุนมากพอสำหรับการฝึกซ้อมรบและ
การจัดหายุทธโธปกรณ์ที่จำเป็นที่ยุโรปต้องมีไว้ในความครอบครอง

แฟลลอนกล่าวว่า “แทนที่จะฝันถึงการมีกองทัพยุโรป แต่ทว่าสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับยุโรปต่อการตอบโต้กับนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์คือ การทีชาติยุโรปทั้งหลายจำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณการทหารของตัวเอง”

ด้านเอพีรายล่าสุดวันนี้ (15 พ.ย.) ว่า ในการแถลงครั้งแรกเมื่อวานนี้ (14) ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา หลังจากพบกับทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกันคนต่อไป ได้ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับปากด้วยตัวเองว่า เมื่อเขาขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปีหน้าแล้ว จะยังคงรักษาคำมั่นสัญญาต่อนาโตไม่เปลี่ยนแปลง

และในแถลงการณ์ของโอบามายังระบุว่า ความเป็นผู้นำของประเทศสหรัฐฯนั้นยิ่งใหญ่กว่าบุคคล ซึ่งอิทธิพลของอเมริกาในระดับโลกนั้นจะไม่มีวันถูกลบไปเพียงเพราะแค่ผลการเลือกตั้งครั้งหนึ่งๆ เท่านั้น

โอบามาชี้ว่า การที่ประธานาธิบดีคนใหม่ต้องยังคงให้การสนับสนุนต่อพันธกิจที่มีต่อนาโตถือเป็นหนึ่งในหน้าที่สำคัญที่สุดในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเอพีชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครตจะนำคำมั่นนี้ไปแจ้งให้กับชาติต่างๆให้ได้รับทราบในการทัวร์ต่างประเทศ 3 ประเทศก่อนที่โอบามาจะหมดวาระลง

โดยโอบามายืนยันว่า “จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในคำมั่นสำหรับสหรัฐฯ ต่อนาโต”






กำลังโหลดความคิดเห็น