เอเอฟพี - กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ และกองกำลังรักษาชายแดนของพม่าระบุเมื่อวันจันทร์ (19) ว่า เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย และประชาชนอีกหลายพันชีวิตต้องย้ายที่อยู่อาศัย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อนทำลายความพยายามของรัฐบาลที่จะสร้างสันติภาพในประเทศ
การต่อสู้ปะทุขึ้นในเดือนนี้ระหว่างกองกำลังของรัฐบาล และกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA ในรัฐกะเหรี่ยง ใกล้พรมแดนไทย ทำให้ประชาชนมากกว่า 4,000 คน ต้องหลบหนีความรุนแรง
ภาพวิดีโอที่ส่งให้แก่สำนักข่าวเอเอฟพี เผยให้เห็นผู้หญิง และเด็กหลายสิบคนแออัดอยู่ในวัด บางส่วนกำลังรับแจกอาหารจากกลุ่มช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ขณะที่อีกหลายคนเข้าค้นกองเสื้อผ้าบริจาค
เหตุปะทะกันเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังจากรัฐบาลของอองซานซูจี จัดการประชุมครั้งสำคัญที่มีเป้าหมายจะยุติการก่อกบฏของกลุ่มชาติพันธุ์ และนำสันติสุขมาสู่ประเทศ แต่การต่อสู้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในรัฐกะฉิ่น และรัฐชาน บดบังการเจรจาสันติภาพ และยุติความขัดแย้งอันซับซ้อนที่คาดว่าจะใช้เวลานานหลายปี
การต่อสู้ครั้งใหม่ที่เกิดในพื้นที่ทางใต้ลงมาครั้งนี้ ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มชาติพันธุ์
เจ้าหน้าที่จาก DKBA ระบุว่า ทหารของกลุ่มเสียชีวิต 4 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 5 นาย ในช่วงไม่กี่วันนี้
ขณะที่ พ.ต.นาย หม่อง ซอ จากกองกำลังรักษาชายแดนพม่า (BGF) ระบุว่า กองกำลังฝ่ายตนถูกโจมตีด้วยกับระเบิดที่ฝ่ายกลุ่มกบฏลอบวางไว้
“ทหารของกองทัพ และกองกำลังรักษาชายแดนของเราเสียชีวิต 4 นาย และได้รับบาดเจ็บอีกราว 40 นาย จากการต่อสู้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทหารของฝ่ายเราเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากตั้งแต่เริ่มการต่อสู้เพราะเราให้เวลาชาวบ้านหลบหนีออกจากพื้นที่ก่อนที่เราจะเริ่มโจมตีกลับ” พ.ต.นาย หม่อง ซอ กล่าว
ความไม่ไว้วางใจต่อกองทัพพม่าฝังลึกในหมู่กลุ่มชาติพันธุ์หลังประเทศตกอยู่ภายใต้การปราบปรามในการปกครองของอดีตรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าหลายสิบปี
เมื่อวันศุกร์ (16) ทหารพม่า 7 นาย ถูกจำคุกจากการสังหารชาวบ้านในรัฐชาน การลงโทษที่หาได้ยากจากการละเมิดโดยกองทัพ
DKBA เป็นกลุ่มชาวพุทธจำนวนหลายร้อยคนที่แยกตัวออกจากสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงชาวคริสต์ (KNU) ซึ่งเป็นกลุ่มหลักในช่วงต้นทศวรรษ 1990 โดยกลุ่ม KNU นั้นได้ลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลแล้ว และได้ออกมากล่าวเตือนถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า เป็นการคุกคามการเจรจาสันติภาพอันเปราะบางของประเทศ.