ซินหวา - การบรรลุสันติภาพ และความเป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่ประชาชนที่มีความแตกต่างหลากหลายในประเทศคือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของพม่า กล่าวในกรุงปักกิ่ง
ซูจี แสดงความเห็นดังกล่าวขณะแถลงข่าวที่เรือนรับรองเตี้ยวอวี๋ไถ เมื่อวันศุกร์ (19) ซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนจีนเป็นเวลา 5 วัน ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง และเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศนอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นประเทศแรก นับตั้งแต่เข้าบริหารประเทศในเดือน เม.ย.
ซูจี กล่าวว่า สันติภาพ และความเป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่ประชาชนหลากหลายกลุ่มเป็นสิ่งที่พม่าต้องการมากที่สุด
“หากปราศจากสันติภาพแล้วก็ไม่สามารถที่จะพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน” ซูจี กล่าว
กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์มีอยู่ในพม่านับตั้งแต่ประเทศได้รับเอกราชในเดือน ม.ค.2491 รัฐบาลพม่าได้เริ่มเจรจาหยุดยิงกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์หลายกลุ่มตั้งแต่เดือน พ.ย.2559 เป็นต้นมา และข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศระหว่างรัฐบาลพม่า และกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ 8 กลุ่มได้ลงนามกันในปีก่อน
รัฐบาลได้ตั้งศูนย์สันติภาพและความปรองดองแห่งชาติ (NRPC) ที่ประกอบด้วย สมาชิก 11 คน โดยมีอองซานซูจี เป็นประธาน และในสิ้นเดือน ส.ค. พม่าจะจัดการประชุมที่เรียกว่า “การประชุมปางโหลงศตวรรษที่ 21” ที่มีเป้าหมายจะนำกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์อีกหลายกลุ่มลงนามข้อตกลงหยุดยิง และเข้าร่วมในกระบวนการสันติภาพ
“กระบวนการสันติภาพ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นกระบวนการของเรา และประชาชนของพม่าต้องสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในประเทศ” ซูจี กล่าว และเสริมว่า พม่าเชื่อว่าจีนเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และจะทำทุกสิ่งที่เป็นไปได้ที่จะส่งเสริมกระบวนการสันติภาพของพม่า
ในส่วนของการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตของพม่านั้น ซูจี ระบุคือ การสร้างงาน แผนด้านพลังงานและการก่อสร้าง และแนวทางใหม่ของการพัฒนาการเกษตร
“ด้วยอัตราการว่างงานสูงในประเทศ พม่าต้องการการสร้างงานสำหรับประชาชน เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ความสามารถของตัวเองหาเลี้ยงชีพ และใช้ชีวิตได้อย่างสง่างามและมั่นคง” ซูจี กล่าว
นอกจากนั้น พม่าจะต้องพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศ เพราะประชากรส่วนใหญ่ราว 70% ของประชากรทั้งหมดต่างพึ่งพาการเกษตรในการดำรงชีวิต
ในวันเสาร์ (20) อองซานซูจี ได้เดินทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สุสานทหารดินเผาจักรพรรดิจิ๋นซี และวัดฝ่าเหมิน ในมณฑลส่านซี
.
.
.
.