เอเอฟพี - หลังจากร้านขายยาของเอ เอ เง ถูกไฟไหม้เป็นครั้งที่ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำหญิงชาวพม่าผู้นี้คิดถึงการทำประกันภัย เรื่องแปลกใหม่ในพม่าที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันไ ด้หรือไว้วางใจในตัวผู้ขายประกัน
เหตุเพลิงไหม้ 2 ครั้ง ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2543 และอีกครั้งเมื่อเดือน ม.ค. สร้างความเสียหายอย่างมากแก่ตลาดมิงกาลาร์ ย่านกลางเมืองนครย่างกุ้ง และทำให้ร้านค้า 2 ร้าน และสินค้าของหญิงวัย 73 ปี กลายเป็นเถ้าถ่าน
“ฉันไม่คิดว่าจะมีไฟไหม้เกิดขึ้นอีกหลังจากครั้งแรก ฉันกำลังจะซื้อประกัน ฉันต้องซื้อ เพราะฉันเสียทุกอย่างไปแล้วถึง 2 ครั้ง ฉันกลัวจะเสียทั้งหมดไปอีก” เอ เอ เง กล่าว
หลายสิบปีของการปกครองที่ทุจริตคอร์รัปชัน และโหดร้ายของทหาร ทำให้ชาวพม่าไม่ไว้วางใจในสถาบันที่รัฐดำเนินการ หลายคนเลือกที่จะซ่อน หรือฝังเงินออมไว้มากกว่าที่จะนำไปฝากธนาคาร
เป็นเวลาถึง 50 ปี จนกระทั่งปี 2556 ที่พม่ามีบริษัทประกันเพียงรายเดียว ซึ่งเป็นกิจการผูกขาดของรัฐ หลังรัฐบาลเผด็จการทหารไล่ปิดบริษัทคู่แข่ง
แต่ประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากปกครองของทหารไปสู่การปกครองที่นำโดยพลเรือน จากการเลือกตั้งเดือน พ.ย. ที่ทำให้พรรคของนางอองซานซูจี เข้าสู่อำนาจ และเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเศรษฐกิจ
บริษัทประกันภัยกำลังเสี่ยงดวงว่าประชาชนกำลังร่ำรวยขึ้น และในท้ายที่สุดคนเหล่านี้จะต้องปกป้องคุ้มครองชีวิต และทรัพย์สินของตัวเองในประเทศที่มีแนวโน้มเผชิญต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติและแทบไม่มีมาตรฐานความด้านสุขภาพ และความปลอดภัย
การลงทุนหลั่งไหลเข้ามาในประเทศ และนครย่างกุ้ง เมืองใหญ่ที่สุดของพม่าก็เต็มไปด้วยเครนก่อสร้าง และรถยนต์ที่สัญจรกันแน่นขนัดบนท้องถนน แต่ตามการระบุของรัฐบาล มีเพียง 5% ของคนขับรถ 600,000 คน ที่มีประกัน
ในทำนองเดียวกัน มีเจ้าของร้านค้าเพียงไม่กี่ร้านรอบตลาดชเวมิงกาลาร์ ที่หามาตรการปกป้องคุ้มกัน แม้จะสูญเสียเงินหลายพันดอลลาร์จากเหตุไฟไหม้ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานก็ตาม
หลังการปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหารหลายสิบปี การทำประกันภัยยังไม่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นของประชาชน
“พวกเขาไม่สนใจเลยสักนิด” เต ปาย รองผู้อำนวยการจัดการบริษัท Grand Guardian Insurance Public หนึ่งในบริษัทประกันภัยรายใหม่ของพม่า กล่าวยอมรับ
บริษัท McKinsey ที่ปรึกษาด้านการจัดการเชื่อว่า หากเศรษฐกิจได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาจขยายตัวขึ้นถึง 4 เท่า จาก 45,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2553 เป็น 200,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2573 ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อบริษัทประกันภัย
“ศักยภาพของตลาดใหญ่มาก มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าพม่าเป็นตลาดที่ยังบริสุทธิ์อยู่” เต ปาย กล่าว
จนถึงปี 2556 มีบริษัทประกันภัยเพียงรายเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในประเทศ คือ บริษัท Myanmar Insurance ที่มีผลิตภัณฑ์ประกันภัยอยู่อย่างจำกัด ที่รวมทั้งการคุ้มครองจากงูกัด ในประเทศที่อัตราการตายจากเหตุการณ์เช่นนี้สูงเป็น 2 เท่าของค่าเฉลี่ยโลก
และนับตั้งแต่ปีนั้น บริษัทคู่แข่งได้รับอนุญาตให้เข้าดำเนินกิจการพร้อมกับบริษัทต่างชาติอีกจำนวนหนึ่ง
“มันมีศักยภาพมากในพม่า มันเป็นตลาดที่แทบไม่เคยถูกแตะต้อง แต่วัฒนธรรมการซื้อประกันยังมีน้อยมาก และรัฐยังควบคุมอุตสาหกรรมนี้อยู่” พนักงานของบริษัทประกันภัยต่างชาติรายใหญ่ กล่าว
.
.
ภายใต้กฎระเบียบในปัจจุบัน บริษัทประกันภัยเอกชนยังคงถูกจำกัดการเสนอขายผลิตภัณฑ์ได้เพียง 11 ประเภท โดยส่วนใหญ่เกี่ยวกับประกันชีวิต สุขภาพ และรถยนต์ ขณะที่บริษัท Myanmar Insurance สามารถเสนอขายผลิตภัณฑ์ได้มากกว่านั้น และมักให้ราคาเบี้ยประกันถูกกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตาม บริษัทอื่นๆ ก็พยายามที่จะได้ส่วนแบ่งตลาดที่มีศักยภาพนี้ ด้วยความหวังว่ากฎระเบียบจะได้รับการผ่อนคลายมากขึ้น
จนถึงปัจจุบัน มีบริษัทต่างชาติ 22 ราย ได้รับใบอนุญาต โดยบริษัทจากญี่ปุ่นเป็นผู้นำ ที่มี 3 รายได้รับสัมปทานให้ขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษเปิดใหม่
เว็บไซต์ Asia Insurance Review ที่ตรวจสอบตลาดในภูมิภาค เชื่อว่าภาคส่วนนี้ของพม่าอาจมีมูลค่าสูงถึง 2,600 ล้านดอลลาร์ในปี 2573
ขณะเดียวกัน บริษัท MetLife ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ที่เปิดสำนักงานในพม่าเมื่อปี 2556 ประเมินว่า มูลค่าตลาดประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับชีวิตอาจขยายตัวจาก 1 ล้านดอลลาร์ในปี 2555 เป็น 1,000 ล้านดอลลร์ในปี 2571
ส่วนประกันรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่กำลังเติบโตอยู่ตอนนี้ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตร และข้อจำกัดการนำเข้าอย่างเข้มงวดภายใต้การปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหาร จากถนนที่เคยว่างเปล่าของนครย่างกุ้ง เวลานี้มีรถใหม่มากกว่าครึ่งล้านคันวิ่งอยู่บนถนน นับตั้งแต่พม่าเริ่มปฏิรูป ซึ่งมาพร้อมกับจำนวนอุบัติเหตุที่เพิ่มมากขึ้น
แต่หากมองในอีกด้านหนึ่ง อุบัติเหตุช่วยสร้างธุรกิจให้แก่ช่าง และยังช่วยโน้มน้าวผู้คนให้ซื้อประกันเพื่อความสบายใจ
ซู หล่าย วิน อายุ 45 ปี เป็นหนึ่งในลูกค้าหน้าใหม่ที่เข้าคิวรับคำปรึกษาที่สำนักงานของบริษัท Grand Guardian Insurance เธอกำลังวางแผนที่จะทำประกันรถยนต์คันที่ 2 ด้วยเบี้ยประกันรายปีที่ประมาณ 1% ของราคารถ หลังเกิดอุบัติเหตุกับรถคันแรก
“ฉันขับรถระมัดระวังมากขึ้น แต่ก็รู้ว่ามีบางอย่างที่จะช่วยเหลือฉัน มันทำให้ฉันสบายใจ” ซู หล่าย กล่าว.
.
.
.