MGRออนไลน์ -- พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่กำลังประชุมใหญ่ครั้งที่ 12 ได้เลือกคณะกรรมการกลางพรรค (Party Central Committee) ชุดใหม่ในวันอังคาร 26 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ปรากฏชื่อของกรมการเมืองอาวุโสชุดปัจจุบันถึงครึ่งต่อครึ่งจากทั้งหมด 16 คน เผยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศในชั้นต้น แต่เป็นก้าวสำคัญที่จะดำเนินไปสู่การเปลี่ยนแปลงผู้นำพรรค รัฐ รัฐบาลกับรัฐสภาในอนาคตอันไม่ไกลนี้
คณะกรรมการกลางพรรคชุดใหม่ จะเปิดประชุมนัดแรกวันพุธนี้ โดยมีวาระสำคัญที่สุดคือ การเลือกตั้งคณะกรรมการกรมการเมือง (Party Political Bureau) ซึ่งเป็นองค์กรอำนาจสูงสุดของพรรค ตามระบบของชาวคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะเปิดเผยให้เห็นผู้นำในอนาคตชัดเจนยิ่งขึ้น
ตามประเพณีปฏิบัติของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม อย่างน้อยในช่วงสองสมัยประชุมมานี้ จะไม่มีการจัดลำดับอาวุโสในคณะกรรมการกลางพรรค จนกว่าการเลือกตั้งคณะกรรมการกรมการเมืองจะแล้วเสร็จ จึงมีการลำดับอาวุโสของบรรดากรรมการกลางพรรคทั้งหมด เริ่มจากส่วนบนสุดกรมการเมืองลงไปจนถึงกรรมการสำรอง คณะกรรมการกลางพรรคที่อยู่ล่างสุด
ชื่อหายไปจากหัวขบวน คือ นายเหวียนเติ๋นยวุ๋ง กับ นายเหวียนซิงหึ่ง (Nguyen Sinh Hung) ซึ่งบอกให้รู้ว่า นายกรัฐมนตรี กับประธานรัฐสภาคนปัจจุบัน กำลังจะเกษียณจากทุกตำแหน่งทั้งในพรรคคอมมิวนิสต์ และในรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลา 10 ปี และ 5 ปี ตามลำดับ รวมทั้งประธานาธิบดี เจืองเติ๋นชาง (Truong Tan Sang) กับ พล.อ.ฝุ่งกวางแทง (Phung Quang Thanh) รมว.กลาโหม นายฝ่าม แทง หงิ (Pham Thanh Ngi) เลขาธิการพรรคกรุงฮานอย กับ นายเล แทง หาย (Le Thanh Hai) เลขาธิการพรรคนครโฮจิมินห์ด้วย
การไม่ลงสมัครเลือกตั้งเป็นกรรมการกลางพรรคของนายยวุ๋ง นับเป็นการลบล้างรายงานที่สับสนของสำนักข่าวตะวันตกก่อนหน้านี้ที่ว่า นรม.เวียดนาม ยังคงมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ที่ลงแข่งขันชิงเก้าอี้ในคณะกรรมการกลางพรรค เพื่อชิงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่
ช่วงที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ไม่เคยเปิดเผยท่าทีเกี่ยวกับอนาคตทางการเมือง และไม่เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงทำให้เกิดการคาดเดา ว่า นายยวุ๋งเตรียมตัวเพื่อเข้าชิงตำแหน่งนำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์ และ สื่อตะวันตก ได้เกาะติดเรื่องนี้ เป็นกระแสหลัก
.
2
แต่เจ้าหน้าที่เวียดนามที่เกี่ยวข้องหลายคน ได้ออกปฏิเสธการคาดเดาของสำนักข่าวตะวันตกมาเป็นระยะ ทั้งยืนยันมาหลายครั้ง ว่า นรม.เวียดนาม จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในการประชุมใหญ่พรรค และได้ให้การสนับสนุนเลขาธิการใหญ่พรรคคนปัจจุบันตลอดมา
เพราะฉะนั้นผลการเลือกตั้งคณะกรรมการกลางพรรคจึงออกมาตามคาด นายเหวียน ฝู จ่อม (Nguyễn Phú Trọng) เลขาธิการใหญ่พรรค ได้นำหน้าบรรดาตัวเก็งตำแหน่งสำคัญทั้งหลายเข้าสู่คณะกรรมการกลางพรรคชุดที่ 12 ซึ่งบ่งบอกว่า นายจ่อม จะทำหน้าที่นี้ต่อไปอีกหนึ่งสมัยเป็นเวลา 5 ปี
การประชุมใหญ่พรรคครั้งที่ 12 ยังมีเหตุการณ์พิเศษที่จะมองข้ามมิได้ นั่นก็คือ เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการกรมการเมืองชุดปัจจุบัน ได้ประกาศเลือกบุคคลเอาไว้ล่วงหน้า สำหรับ 3 ตำแหน่งสำคัญถัดจากผู้นำสูงสุดของพรรค ซึ่งประกอบกันเป็น “เสาหลักทั้งสี่” ในระบบของชาวคอมมิวนิสต์
บุคคลทั้งสาม คือ นายเหวียนซวนฟุก (Nguyễn Xuân Phúc) ว่าที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.เจิ่นไดกวาง (Trần Đại Quang) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงภายใน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ กับ นางเหวียน ถิ กิม เงิน (Nguyen Thi Kim Ngan) รองประธานรัฐสภา ว่าที่ประธานฝ่ายนิติบัญญัติ ล้วนได้รับเลือกเข้าสู่คณะกรรมการกลางพรรคชุดที่ 12 กันพร้อมหน้า
รายชื่อคณะกรรมการกลางพรรค ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของพรรคคอมมิวนิสต์ในบ่ายวันอังคาร ประกอบด้วย กรรมการที่มีอำนาจเต็ม (Full Member) จำนวน 180 คน กรรมการสำรอง (Alternate Member) อีก 20 คน และ ปรากฏว่า กรรมการกลางพรรคชุดที่ 11 ได้หายหน้าไปกว่า 60 คน
เรื่องนี้สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากปลายปีที่แล้วกรมการเมืองได้มีมติอนุมัติการแต่งตั้งตัวบุคคล ไปรับตำแหน่งสำคัญเป็นจำนวนมาก รวมทั้งตำแหน่งประธานคณะกรรมการประชาชน (ผู้ว่าราชการจังหวัด) บางคนไปรักษาการเลขาธิการพรรคสาขาในกว่า 10 จังหวัด และ ตำแหน่งในองค์การเทียบเท่ากระทรวงอีกด้วย
.
3
4
ทั้งหมดล้วนเป็นคนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษาดี รวมทั้งนายเหวียน แทง หงิ (Nguyen Thanh Ngi) บุตรชายวัย 39 ปี ของนายกรัฐมนตรี มหาบัณฑิตจากสหรัฐฯ ซึ่งได้รับแต่งตั้งไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเกียนซยาง (Kien Giang) ชายทะเลอ่าวไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว เมื่อวันอังคารนี้ นายหงิ ได้เลื่อนขั้นจากสมาชิกสำรอง ขึ้นเป็นกรรมการกลางพรรคที่มีอำนาจเต็ม หนึ่งใน 180 คนด้วย
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้เตริยมการล่วงหน้ามาเป็นเวลานาน ในการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล โดยอัดฉีดคนหนุ่มสาวไฟแรง และมีความรู้ดี เข้าเป็นเลือดใหม่ ในระดับใจกลางของพรรค
มีกรรมการกลางพรรคชุดเดิมอีก 4 คน ที่สื่อในเวียดนามรายงานว่า เป็นตัวเก็งสำหรับชิงเก้าอี้ในกรมการเมืองชุดใหม่ ซึ่งได้แก่ นายเอืองจูลือว์ ( Uông Chu Lưu) รองประธานรัฐสภา พล.อ.โด่บ่าตี (Đỗ Bá Tỵ) รมช.กลาโหม และ หัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการกองทัพประชาชน พล.ท.บุ่ย วัน นาม (Bùi Văn Nam) รมช.กระทรวงรักษาความมั่นคงภายใน แต่นายหวี่ง ฟอง แจง (Huỳnh Phong Tranh) ประธานคณะกรรการตรวจตราแห่งรัฐไม่ได้รับเลือก
นอกจากนั้น ยังมีกรมการเมืองชุดปัจจุบันจำนวน 3 คน ได้รับเลือกเข้าสู่คณะกรรมการกลางพรรคเมื่อวันอังคารนี้ คือ นายดีงเถหวี่ง ( Đinh Thế Huynh) ประธานคณะกรรมการโฆษณาและอบรมพรรค นางโต่ง ถิ ฝอม (Tòng Thị Phóng) รองประธานสภาแห่งชาติ และ ศ.ดร.เหวียน เทียน เญิน (Nguyễn Thiện Nhân) ประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม ซึ่งบ่งบอกว่าผู้นำเหล่านี้จะอยู่ในตำแหน่ง ทั้งในระดับพรรค รัฐ หรือ รัฐสภาต่อไป
อีกประการหนึ่งที่น่าสังเกต ก็คือ รองนายกรัฐมนตรีอีก 3 คน นอกจาก นายฟุก ล้วน ล้วนได้รับเลือกเข้าสู่คณะกรรมการกลางชุดที่ 12 พร้อมหน้า คือ นายหว่าง จุง หาย (Hoàng Trung Hải) นายฝ่าม บี่ง มิง (Phạm Bình Minh) ซึ่งเป็น รมว.การต่างประเทศด้วย และ นายหวู ดึ๊ก ดาม (Vũ Đức Đam)
.
5
รัฐมนตรีชุดปัจจุบันหายหน้าไปจากคณะกรรมการกลางพรรคชุดใหม่กว่าสิบคน ส่วนหนึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากที่มีการเสนอชื่อผู้เข้ารักษาการแทนก่อนหน้านั้น
นอกจาก พล.อ.เจิ่นไดกวาง แล้ว รัฐมนตรีที่ได้รับเลือกเข้าสู่คณะกรรมการกลางพรรคชุดที่ 12 ยังประกอบด้วย นายเหวียน วัน แนน (Nguyễn Văn Nên) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าสำนักงานรัฐบาล นายดิง ลา ทาง (Đinh La Thăng) รมว.การขนส่ง นายจิง ดี่ง ยวุ๋ง (Trịnh Đình Dũng) รมว.กระทรวงการก่อสร้าง นายกาว ดึ๊ก ฟ้าต (Cao Đức Phát) รมว.เกษตรและพัฒนาชนบท และ นายเหวียน วัน บี่ง (Nguyễn Văn Bình) ผู้ว่าการธนาคารแห่งรัฐ ซึ่งเป็นองค์การเทียบเท่ากระทรวง
การเลือกตั้งสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองในวันพุธนี้ จะทำให้มองเห็นตัวผู้นำแห่งรัฐ รัฐบาล กับรัฐสภาชัดเจนยิ่งขึ้น
การประชุมใหญ่ครั้งที่ 12 ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ จะเนินไปจนถึงวันที่ 28 ม.ค. ในระหว่างนี้จะมีการพิจารณาเอกสารสำคัญของพรรคอีกหลายฉบับ มีการเลือกตั้งสมาชิกคณะกรรมการสำคัญของพรรคอีกหลายชุด และ เลขาธิการใหญ่จะเป็นผู้กล่าวปิดการประชุมพรรค ที่จัดขึ้น 5 ปีต่อครั้ง
ส่วนกระบวนการเปลี่ยนตัวผู้นำในระดับรัฐสภา รัฐ และรัฐบาลนั้น จะเริ่มขึ้นหลังการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้.
