เอพี - ลูกชายคนเล็กของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศระหว่างเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความต้องการที่จะเป็นผู้นำประเทศในวันหนึ่ง แต่ต้องได้รับการตัดสินจากผลงานของเขา ไม่ใช่เพราะนามสกุล
แม้จะมีท่าทีสุภาพตรงข้ามกับความดุดันที่เป็นลักษณะนิสัยของผู้เป็นบิดาที่อยู่ในอำนาจมานาน 30 ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ฮุน มะนี ที่มีอายุ 33 ปี จะไม่มีความทะเยอทะยาน
“ใช่ ผมเกิดมาเป็นลูกชายของเขา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องแสดงผลงานอะไร มันไม่เกี่ยวกับการตัดสินผมจากฐานะของฮุน มะนี หรือการเป็นลูกนายกรัฐมนตรี แต่ต้องเกี่ยวกับสิ่งที่ผมทำ และนั่นขึ้นอยู่กับประชาชนชาวกัมพูชา” ฮุน มะนี ให้สัมภาษณ์
ฮุน มะนี แสดงความชื่นชมต่อตัวนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และความสำเร็จของบิดา ที่นำเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่กัมพูชา แต่ขณะเดียวกัน ก็เว้นระยะห่างเล็กน้อยระหว่างตัวเขาเองกับการใช้คำพูดข่มขู่บางอย่างของบิดาที่มีต่อฝ่ายค้านทางการเมือง ที่เผชิญต่อการคุกคามมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ในเดือน ต.ค. สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้าน 2 คน ถูกทำร้ายร่างกายที่บริเวณด้านนอกรัฐสภาโดยสมาชิกของกลุ่มม็อบที่สนับสนุนรัฐบาล สม รังสี หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่ขัดแย้งกับฮุนเซนมาเป็นเวลานาน กำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศอีกครั้ง เพื่อเลี่ยงการจับกุมในสิ่งที่นักวิจารณ์ระบุว่า เป็นคดีความที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
ฮุน มะนี อธิบายว่า สมาชิกรัฐสภาที่ถูกกลุ่มม็อบทำร้ายเป็นเพื่อนของเขา เขากล่าวว่า การโจมตีสมาชิกรัฐสภาเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แม้ว่าเขาปฏิเสธที่จะระบุว่าใครเป็นผู้กระทำผิดที่ถูกกล่าวหา โดยระบุว่า เป็นเรื่องของศาล แต่กล่าวว่า เขาคาดหวังว่า สม รังสี จะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมในการเลือกตั้งปี 2561 แม้จะมีคดีความอยู่ก็ตาม
เมื่อเดือนก่อน ฮุน เซน ได้ประกาศว่าจะตัดมือขวาของตัวเองหากลงนามขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ สม รังสี
ฮุน เซน เริ่มปกครองประเทศในปี 2528 เป็นหัวหน้ารัฐบาลที่เวียดนามให้การสนับสนุน ภายหลังการปกครองของเขมรแดงที่เป็นผู้รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของชาวกัมพูชาราว 1.7 ล้านคน ฮุน เซน ใช้วิธีผสมผสานระหว่างเล่ห์เหลี่ยม และการใช้กำลังเข้าปราบปรามคู่แข่งทางการเมือง รวมทั้งการรัฐประหารในปี 2540
มีคำถามเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการปกครองต่อเนื่องของฮุนเซน และฮุน มะนี กล่าวว่า บิดาของเขาจะนำพรรคประชาชนกัมพูชา เข้าสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าในปี 2561 แต่เสียงสนับสนุนพรรคที่ลดลงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด นำมาซึ่งการคาดคะเนกันว่า ใครที่จะเป็นผู้รับช่วงต่อจากฮุนเซน
ความสนใจมุ่งมาที่ ลูกชายทั้ง 3 คน ของฮุนเซน ที่ทั้งหมดมีตำแหน่งระดับสูง โดยลูกชายคนโต ฮุน มาเนต อายุ 38 ปี จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ เป็นผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายกัมพูชา และเป็นที่รับรู้กันมานานว่า มีโอกาสมากที่สุดที่จะเดินตามรอยเท้าบิดา ส่วนลูกชายคนที่ 2 ฮุน มานิต อายุ 34 ปี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรอง กองทัพบก เมื่อเดือน ก.ย.
แต่ฮุน มะนี ที่มีตำแหน่งเป็นประธานสหพันธ์เยาวชนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับพรรคประชาชนกัมพูชา เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะรับช่วงต่อจากฮุนเซน และเขาได้กลายเป็นที่จับตามองมากขึ้น ตั้งแต่กลายเป็นสมาชิกรัฐสภาที่มีอายุน้อยที่สุดของประเทศ ในปี 2556 ฮุน มะนี ใช้เวลาครึ่งชีวิตอยู่ต่างประเทศ อาศัย และศึกษาเล่าเรียนในฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ และจบการศึกษาระดับปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยป้องกันชาติอเมริกัน ในกรุงวอชิงตัน
ในการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ของฮุน มะนี ในสัปดาห์นี้ เขายังได้กล่าวเรียกร้องถึงการเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และกัมพูชาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ก่อนการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการของฮุนเซน เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นเจ้าภาพในกลางเดือน ก.พ. ขณะที่จอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดเยือนกัมพูชา ในวันอังคาร (26) เพื่อหารือถึงการประชุมดังกล่าว
ไม่น่าแปลกใจสำหรับการเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้ ฮุน มะนี พยายามที่จะให้มุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับกัมพูชา โดยอธิบายถึงความก้าวหน้าของประเทศไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แข่งขันได้มากขึ้น และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับแรงบันดาลใจสำหรับการทำหน้าที่ผู้นำประเทศ ฮุน มะนี ตอบว่า ไม่เพียงแค่ตนเองเท่านั้น แต่ชาวกัมพูชาทุกคนควรปรารถนาที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
ในความเป็นจริง ผู้นำหลายคนในรัฐบาล และกองกำลังรักษาความปลอดภัยเป็นลูกชายของผู้มีอำนาจ ซึ่ง ฮุน มะนี ยอมรับว่า ภูมิหลังของเขาเป็นประตูที่เปิดกว้างให้แก่เขา ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของบิดา แต่ระบุว่า ไม่ใช่งานง่าย
“บางครั้งมีความเข้าใจผิดกันว่าการเป็นลูกของฮุนเซนทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น แต่ที่จริงแล้วมันตรงกันข้าม” ฮุน มะนี กล่าว และเผยว่า พ่อของเขาเชื่อว่าลูกทุกคนจำเป็นต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง
ฮุน มะนี ปฏิเสธว่ามีการแข่งขันในหมู่พี่น้องที่จะนำกัมพูชา โดยกล่าวว่า การแข่งขันเพียงอย่างเดียวของพวกเขาคือ การลดน้ำหนัก และเขากำลังจะคว้าชัย.