รอยเตอร์ - ผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐฯ ในเอเชีย กล่าวว่า ต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากขึ้นกับกองทัพพม่า หลังการเลือกตั้งที่พรรคฝ่ายค้านชนะไปอย่างท่วมท้น แต่จำเป็นที่จะต้องรอการพิจารณานโยบายจากรัฐบาลสหรัฐฯ
พล.อ.วินเซนต์ บรู้ค อ้างถึงการพบหารือรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนเมื่อปี 2557 ว่า ผู้นำทหารจากประเทศสมาชิกต่างๆ ในอาเซียนต่างต้องการที่จะเห็นการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ กับพม่าเช่นกัน
“ผู้นำกองทัพชาติอื่นๆ คว้ามือผม และพาไปยังนายพลพม่าที่อยู่ที่นั่น อาเซียนต้องการให้สหรัฐฯ มีส่วนร่วมกับพม่า และช่วยพวกเขาก้าวไปข้างหน้า แต่ตอนนี้เราต้องดำเนินการตามที่เราได้รับอนุญาต” พล.อ.บรู้ค กล่าว
สหรัฐฯ กำลังทำงานที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทางทหารทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียเพื่อตอบโต้จีนที่ขยายอำนาจ และการรุกรานซึ่งมีพรมแดนร่วมกันกับพม่า
วอชิงตัน เริ่มยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อพม่าหลังรัฐบาลกึ่งพลเรือนตั้งขึ้นในปี 2554 หลังอยู่ภายใต้การปกครองของทหารมาหลายทศวรรษ แต่ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่สมาชิกรัฐสภาของสหรัฐฯ ยังวิตกกังวล และยังรักษาความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับทหารให้อยู่ในระดับน้อยที่สุด
บรู้ค กล่าวว่า การเลือกตั้งของพม่าเมื่อเดือนก่อน ที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของอองซานซูจี ได้ชัยชนะไปอย่างถล่มทลาย “ทำให้เราพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า” แต่ยังต้องรอแนวทางนโยบาย
บรู้ค กล่าวว่า หนึ่งในนายพลของเขาสามารถที่จะกล่าวบรรยายที่วิทยาลัยการทัพบกพม่า และเขาเองอยากมีส่วนร่วมโดยตรงมากขึ้น
“มันเป็นความสัมพันธ์ที่ผมต้องการให้เรามี และผมอยากที่จะได้รับอนุญาตให้ทำสิ่งเหล่านั้น ในแบบของการใช้เวลากับพวกเขามากขึ้นอีกนิด” พล.อ.บรู้ค กล่าว
บรู้ค ระบุว่า สหรัฐฯ มองว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นโอกาสที่จะส่งออกความเชี่ยวชาญทางทหารของสหรัฐฯ ในแง่ของการกำกับดูแล การมีส่วนร่วมกับสื่อ ประชาชน และรัฐบาลพลเรือน
เมื่อวันจันทร์ (7) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า วอชิงตันได้คลายมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าชั่วคราวต่อพม่าในความพยายามที่จะส่งเสริมพรรคของอองซานซูจี หลังชนะการเลือกตั้ง
สหรัฐฯ ยังวิตกเกี่ยวกับรายงานการละเมิดสิทธิมนุษญชนของกองทัพที่ปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน เมื่อกระทรวงการต่างประเทศเรียกร้องการสืบสวนต่อรายงานการกระทำที่โหดร้ายของกองทัพในรัฐชาน.