MGRออนไลน์ -- การบินอ้อมยุโรปไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของ "กองบินทิ้งระเบิด" ที่นำโดย Tu-160 "Blackjack" เพื่อโจมตีกลุ่มก่อการร้าย ISIS ในซีเรีย วันศุกร์ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ แต่ระหว่างทางนั้น ได้ถูกเครื่องบินขับไล่ของกลุ่มนาโต้ บินขึ้นประกบและนำทางตลอด จนกระทั่งพ้นเขตเกาะอังกฤษ หรือ จนกระทั่งชาติสมาชิกอื่นๆ เห็นว่า เครื่องบินรบของรัสเซียไม่มีพฤติกรรม ที่แสดงการข่มขู่ใดๆ ต่อความมั่นคงของประเทศแถบนั้น
ปฏิกิริยาเช่นนี้ แสดงให้เห็นเชื้อแห่งความเป็นอริกัน ระหว่างกลุ่มสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือกับรัสเซีย ที่มีมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต ยังคงคุกรุ่นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความขุ่นเคืองใจให้แก่รัสเซียอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย และ รัสเซียได้แสดงออกผ่านบันทึกของเอกอัครรัฐทูต ประจำสหราชอาณาจักร ที่เผยแพร่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
"เอกอัครรัฐทูตรัสเซียอเล็กซานเดอร์ ยาโคเวนโก (Alexander Yakovenko) ได้แสดงความประหลาดใจ ต่อปฏิกิริยาของกระทรวงกลาโหมแห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นนำทางเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ของรัสเซีย ที่บินในน่านฟ้าสากลใกล้ๆ เกาะอังกฤษ" สถานีโทรทัศน์ซเวซดา (Zvezda TV) ในกรุงมอสโกรายงาน
"ผมสงสัยว่า เพราะเหตุใดกระทรวงกลาโหม (อังกฤษ) มองเรื่องนี้เป็นปัญหา เนื่องจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซีย ออกบินตามปรกติ และ ไม่ได้เป็นภัยคุกคามใดๆ" สถานีโทรทัศน์ของทางการรายงานในเว็บไซต์ อ้างข้อความทางทวิตเตอร์ของ เอกอัครรัฐทูตประจำกรุงลอนดอน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในเวลาต่อมาว่า ทัพฟ้าอังกฤษได้ส่งเครื่องบินขับไล่แบบไต้ฝุ่น (Typhoon) ที่ไม่ทราบจำนวน ขึ้นประกบฝูงบินของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม อังกฤษเป็นด่านที่สอง เว็บข่าวกลาโหมในโปแลนด์ รายงานในวันต่อมาว่า ทันทีที่เครื่องบินรัสเซีย บินขึ้นจากฐานทัพแห่งหนึ่ง ในคาบสมุทรเมอร์มังสค์ นอร์เวยได้ส่งเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 ขึ้นประกบ และ นำทางเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซีย ตั้งแต่เขตทะเลบาเรนต์ ไปจนพ้นเขตทะเลเหนือ
.
คลิปชิ้นนี้มี Su-30SM สองลำคุ้มกัน Tu-160 ขณะยิงจรวดขณะอยู่เหนือเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อวันศุกร์ รัสเซียไม่ได้บอกว่าไปจากที่ใด แต่ทราบกันดีว่ามีเครื่องบินรบรุ่นนี้ประจำอยู่ในซีเรีย คอยคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิด จึงเชื่อว่าฝูง Tu-160 ที่บินอ้อมยุโรป ไม่มีเครื่องบินขับไล่ติดตาม. |
ตอนท้ายๆ คลิปนี้จะเห็น Tu-160 ลำหนึ่งเติมน้ำมันกลางอากาศเวลากลางคืน จึงเชื่อกันว่า Tu-160 ลำที่บินย้อนอ้อมยุโรปไปยังฐานทัพต้นทางในเมอร์มังสค์ ต้องมีเครื่องบินเติมน้ำมัน Il-78 ติดตามไปด้วยอย่างน้อย 1 ลำ. |
หมายความว่า นอร์เวย์ซึ่งเป็นหน้าด่านทางตอนเหนือของนาโต้ ได้ส่งเครื่องบินรบขึ้นขัดขวางก่อน ก่อนที่จะส่งให้กองทัพอากาศอังกฤษจัดการต่อ ซึ่งเครื่องไต้ฝุ่นได้นำเครื่องบินรัสเซียทั้งหมด บินเลี่ยงเกาะอังกฤษไปตามชายฝั่งแอตแลนติกเหนือ ลงไปจนถึงเขตรับผิดชอบของฝรั่งเศส
เป็นที่ทราบกันตามข่าวก่อนหน้านี้ว่า วันศุกร์ที่ 20 พ.ย. เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล Tu-160 "แบล็กแจ๊ค" (Blackjack) หรือ "หงส์ขาว" (White Swan) จำนวน 3 ลำ พร้อมเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศแบบอิลยูชีน-78 (Il-78) อีก 4 ลำ จากฐานทัพอากาศทางตอนบนสุดของประเทศ บินอ้อมคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย เกาะอังกฤษ อ้อมยุโรปตะวันตก ยุโรปใต้ ผ่านช่องแคบยิบรัลตา ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก่อนเปิดฉากโจมตีที่ตั้งกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงในซีเรีย ด้วยจรวดร่อนรุ่นใหม่ล่าสุด
หลังจากนั้น Tu-160 หนึ่งในสามลำ ได้บินกลับตามเส้นทางเดิมอีกครั้งหนึ่ง จนถึงฐานทัพต้นทาง รวมเป็นระยะทางราว 13,000 กิโลเมตร อีก 2 ลำ บินไปยังฐานทัพในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ติดพรมแดนคาซัคสถาน ที่อยู่ใกล้กว่า
กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานเรื่องนี้ พร้อมกับเผยแพร่ภาพวิดีโอเหตุการณ์ ยิงจราด X-101 หรือ Kh-101 ที่สื่อของทางการกล่าวว่า เป็น "อาวุธลับ" ที่เก็บซ่อนมาเป็นเวลานาน และ นำออกใช้งานจริงเป็นครั้งแรก
รัสเซียไม่ได้รายละเอียดว่า "หงส์ขาว" ลำดังกล่าว บินอ้อมทวีปยุโรปกลับฐานทัพต้นทางอีกครั้ง โดยมีเครื่องบินชนิดอื่นใด ติดตามไปด้วยหรือไม่ แต่เป็นที่เข้าใจได้ว่าอย่างน้อยที่สุด จะต้องมีเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ 1 ลำ เนื่องจากเป็นเส้นทางบินที่ยาวไกลมาก
.
2
ในขณะยิงจรวดอยู่เหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั้น คลิปได้ฉายให้เห็นเครื่องบินขับไล่ Su-30SM ของกองทัพอากาศรัสเซีย จำนวน 2 ลำ บินคุ้มกัน Tu-160 ลำหนึ่ง โดยไม่ได้ให้รายละเอียดอีกเช่นกันว่า เครื่องบินรบทั้งสองลำไปจากที่ใด และ ไปยังที่ใดหลังจากนั้น ซึ่งเรื่องนี้ถูกนำไปถกเถียงกันในเว็บข่าวกลาโหมหลายแห่ง ในช่วงสุดสัปดาห์
หลายคนกล่าวว่า Tu-160 ทั้งสามลำ กับ Il-78 อีกสี่ลำ ขึ้นจากฐานทัพในเมอร์มังสค์ โดยไม่มีเครื่องบินขับไล่ติดตามไปด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการบินอย่างปรกติ เป็นการแสดงสิ่งที่เรียกว่า "Innocence Passage" หรือ การบินผ่านอย่างบริสุทธิ์ใจ เช่นเดียวกับเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ของรัสเซียลำอื่นๆ ที่ออกบินเดี่ยวๆ ในน่านฟ้าเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลจีนตะวันออก หรือ ทะเลญี่ปุ่น โดยไม่มีเครื่องบินขับไล่ติดตามคุ้มกัน อันเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นสากล
แต่ถ้าหากวันศุกร์ที่ผ่านมา Tu-160 กับ Il-78 ฝูงนี้ บินเข้าใกล้น่านฟ้าของนาโต้ โดยมีเครื่องบินขับไล่ติดตามไปด้วย ก็จะตกอยู่ใต้สถานการณ์อีกแบบหนึ่ง ที่แตกต่างกันราวหน้ามือเป็นหลังมือ กล่าวคืออาจจะมีเครื่องบินรบของนาโต้ฝูงใหญ่ตามขึ้นไปประกบ และ อาจจะถึงขั้นบังคับให้เครื่องบินรัสเซียทั้งฝูงลงจอด ในที่แห่งใดแห่งหนึ่ง และ อาจจะลุกลามกลายเป็นการเผชิญหน้า
"นาโต้รู้เป็นอย่างดีที่เดียวว่า เครื่องบินรัสเซียไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง ซึ่งจะต้องมีการสื่อสารกันจนเข้าใจทั้งสองฝ่าย ก็จึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากฝรั่งเศส โปรตุเกส และ สเปน หรือ กระทั่งอิตาลี ที่อยู่ล่างลงไป" นักวิเคราะห์ผู้หนึ่งกล่าว ทั้งสำทับด้วยว่า ในสถานการณ์สงครามเครื่องบินรัสเซีย ไม่สามารถจะทำเช่นเมื่อวันศุกร์นี้ได้ เนื่องจากจะไม่สามารถผ่านด่านการป้องกันทางอากาศของนาโต้ ในย่านทะเลเหนือไปได้
"อังกฤษมีประสบการณ์มากกว่าใครๆ ในยุโรป ในเรื่องการป้องกันทางอากาศ" นักวิเคราะห์อีกคนหนึ่งกล่าว
เขาชี้ให้เห็นฉากหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เรียกกันว่า Battle of Britain ซึ่งเวลาต่อมา มีผู้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ (สงครามอินทรีเหล็ก) ที่แสดงให้เห็นการต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวของอังกฤษ ขณะที่นาซีเยอรมันพยายามใช้แสนยานุภาพที่เหนือกว่า ถล่มกรุงลอนดอนให้ราบ แต่ไม่สำเร็จ และ พ่ายแพ้ในสงครามทางอากาศที่ดำเนินไปได้ประมาณ 5 เดือน
ชัยชนะใน "สงครามอินทรีเหล็ก" ของอังกฤษ กลายเป็นลางแห่งความพ่ายแพ้ของนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2.
.
3
4
5