สหรัฐกับโลกตะวันตก ได้ตาสว่างอีกครั้งหนึ่งวันพุธ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน สั่งเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล 3 รุ่นใหญ่ ไปโจมตีที่ตั้ง ISIS ในซีเรียนับสิบแห่ง หากมิใช่การทิ้งระเบิด แต่เป็นการโจมตีทำลายด้วยจรวดร่อนรุ่นใหม่ ที่สำนักข่าวกลาโหมหลายแห่งกล่าวว่า สหรัฐกับพันธมิตรนาโต้รู้เพียงแค่ว่า เคยมีการออกแบบในยุคสหภาพโซเวียต และ ได้ตั้งชื่อเอาไว้รอเป็นที่เรียบร้อย แต่ไม่เคยรู้ว่ามีการผลิตเป็นรุ่น X-55 ออกมา และ ยังไม่เคยทราบอีกเช่นกันว่ารัสเซีย ได้นำเข้าประจำการแล้ว นี่คือจรวด "ซีรีส์ X" ตามที่รัสเซียเรียก เป็นจรวดร่อนขนาดใหญ่ที่สุด ระยะยิงไกลถึง 2,500 กม. ติดหัวรบนิวเคลียร์ได้. |
MGRออนไลน์ -- รัสเซียส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ 2 รุ่น กับเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลอีก 1 รุ่น โจมตีที่ตั้งกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรียด้วยจรวดร่อนรุ่นใหม่ ซึ่งนับเป็นปฏิบัติการในสถานการณ์สงครามครั้งแรก ของเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ ที่ใช้งานมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต และ เป็นครั้งแรกเช่นกันที่มีการใช้จรวดในกลุ่ม "X" ที่โลกตะวันตกทราบเมื่อ 30 ปีที่แล้วแต่เพียงว่า อดีตสหภาพโซเวียตเคยออกแบบ และ มีโครงการที่จะผลิต แต่ยังไม่เคยทราบว่า กองทัพรัสเซียนำเข้าประจำการแล้ว จนกระทั่งวันพุธที่ผ่านมา
เหตุการณ์นี้ ได้กลายเป็นการโชว์เทคโนโลยีอาวุธครั้งสำคัญของรัสเซียอีกครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่การยิงจรวดร่อนจำนวน 26 ลูก จากเรือรบในทะเลแคสเปียน ข้ามดินแดน 2 ประเทศไปทำลาย 11 เป้าหมาย ISIS ในซีเรีย ในสัปดาห์ต้นเดือน ต.ค.
สื่อของทางการได้รายงานรายละเอียดในวันพฤหัสบดีนี้ว่า การโจมตีเมื่อวันพุธ 17 พ.ย. ได้เริ่มตั้งแต่ช่วงกลางวัน และ ล่วงเข้าถึงกลางคืน นอกจากนั้นสำนักข่าวและสถานีโทรทัศน์รัสเซีย ยังได้เผยแพร่วิดีโอคลิป แสดงให้เห็นฉากหนึ่งของเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ การออกปฏิบัติการครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ของ Tu-160 (ตูโปเลฟ-160) เครื่องบินความเร็วระดับซูเปอร์โซนิค และ ได้ชื่อเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบัน
ตามรายงานในเว็บไซต์ซเวซดาทีวี Tu-95MS และ Tu-160 บินขึ้นจากฐานทัพอากาศเอ็นเกลส์ (Engels) ในเขตซาราทอฟโอบลาสต์ (Saratov Oblast) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ติดพรมแดนคาซัคสถาน ส่วน Tu-22M3 ไปจากฐานทัพอากาศมอซด็อค ( Mozdok) ในวลาดิคาฟคาซ (Vladikavkaz) ติดพรมแดนสาธารณรัฐจอร์เจีย ฐานทัพอากาศทั้งสองแห่ง อยู่ห่างจากกรุงดามัสกัสของซีเรีย กว่า 2,000 กิโลเมตร และ กว่า 1,300 กิโลเมตร ตามลำดับ
วิดีโอคลิปชิ้นแรกความยาวไม่ถึงหนึ่งนาที แสดงให้เห็น Tu-160 จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการในครั้งนี้ รวมทั้งการปล่อยจรวดร่อนรุ่นใหม่ด้วย
วิดีโอคลิปชิ้นที่สอง ความยาว 4 นาทีเศษ แสดงรายละเอียดมากขึ้น เกี่ยวกับปฏิบัติการของ Tu-160 โดยมี Su-30SM ซึ่งเป็น "รุ่นท็อป" ของเครื่องบินโจมตีขับไล่ยอดนิยมพันธุ์รัสเซีย ทำหน้าที่คุ้มกัน ช่วงท้ายๆ คลิปแสดงให้เห็น การบินขึ้นและลงของ Su-34, Su-24 กับ Su-25 ที่ฐานทัพลาตาเกีย แสดงให้เห็นปฏิบัติการโจมตีทิ้งระเบิดตามปรกติ ของเครื่องบินที่ประจำอยู่ในซีเรียทั้งสองรุ่น
.
.
พล.อ.วาเลอรี เกราสิมอฟ (Valery Gerasimov) เสนาธิการกองทัพอากาศรัสเซีย แถลงในกรุงมอสโกวันพฤหัสบดีระบุว่า "ครั้งนี้เป็นการปฏิบัติการครั้งแรก แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย.." ทั้งยังเปิดเผยด้วยว่า เครื่องบินโจมตีทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ ทั้งสามรุ่นสามารถทำลายที่ตั้งอันแน่นหนาของ ISIS หลายแห่ง ด้วยอาวุธรุ่นใหม่ ที่ระเบิดมาตรฐานทั่วไปไม่สามารถทำลายได้
พล.อ.เกราสิมอฟ กล่าวอีกว่า Tu-95MS กับ Tu-160 ได้ปล่อยจรวดร่อน "เอ็กซ์" รวมกันกว่า 30 ลูก ทำลายเป้าหมาย ISIS ในหลายจุด ตั้งแต่ช่วงกลางวัน จนล่วงเข้าสู่กลางคืน และ Tu-22M3 เพียงรุ่นเดียว ได้ออกปฏิบัติการโตมตีเป้าหมาย ISIS ในแห่งต่างๆ รวม 12 เที่ยว แต่ไม่ได้กล่าวถึงจำนวนเครื่องบิน ทั้งหมดที่ร่วมออกปฏิบัติการครั้งนี้
ถึงแม้ว่ากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เครื่องบินรัสเซียที่ประจำในซีเรีย จะได้ออกโจมตีเป้าหมาย ISIS มาแล้ว เป็นจำนวนกว่า 500 จุด แต่ปฏิบัติการของเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นใหญ่ทั้งสามรุ่น ถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุด ตามคำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิมิร์ ปูติน หลังจาก ISIS ออกแถลงรับผิดชอบ การวางระเบิดเครื่องบินโดยสารแอร์บัส A-321 สายการบินของรัสเซียเหนืออียิปต์ สัปดาห์ต้นเดือนที่ผ่านมา
หลังจาก ISIS ออกปฏิบัติการโจมตีในกรุงปารีสสัปดาห์นี้ ปธน.รัสเซีย ได้สั่งให้ทุกกองกำลัง ทั้งในซีเรีย ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลดำ และ ทะเลแคสเปียน ประสานงานกับกองทัพฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิด และ ให้ถือว่าฝรั่งเศสเป็นพันธมิตรในการร่วมโจมตี ISIS ในคราวเดียวกันนี้ ปธน.รัสเซีย ยังสั่งการให้เรือมอสควา (Mockba) หรือ "มอสโก" ซึ่งเป็นเรือพิฆาตรุ่นใหญ่ ที่รัสเซียถือเป็นเรือลาดตระเวณ (Cruiser) ที่ประจำการในทะเลดำ ให้ร่วมมือกับเรือรบฝรั่งเศส
นอกจากนั้นยังสั่งการให้เรือมอสโก ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มกันฐานทัพเรือตาร์ตุส (Tartus) ของรัสเซียในซีเรีย และ ในกรณีที่ ISIS พยายามเข้ายึดฐานทัพแห่งนี้ ให้เรือมอสควายิงโจมตี ISIS ด้วยจรวดร่อน
.
นักบินเรียก White Swan หรือ "หงส์ขาว" กลุ่มนาโต้ เรียก "แบล็กแจ็ค" (Blackjack) แต่เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์หลักของกองทัพรัสเซียปัจจุบัน Tu-160 สร้างในยุคสหภาพโซเวียต รัสเซียในยุคใหม่พัฒนาต่อมา ถึงแม้ระบบดิสเพลย์ต่างๆ ยังเป็นอะนาล็อก แต่ติดตั้งระบบเอวิโอนิกส์ใหม่ ระบบควบคุมต่างๆ ใหม่ทั้งหมด บินด้วยความเร็วเหนือเสียง กว่า 2,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ติดระบบอาวุธได้มากมายหลายระบบ และ สามารถทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ได้อีกด้วย ได้ชื่อเป็นเครื่องบินทหารที่บรรทุกได้มากที่สุด มากกว่า B-52 ของสหรัฐ ประจำการมาเกือบ 30 ปี แต่เพิ่งได้ออกปฏิบัติการในสงครามจริงก็วันพุธ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา. |
.
1
ตามรายงานของสื่อรัสเซีย Tu-160 ออกปฏิบัติการครั้งนี้ โดยติดจรวดร่อน X-55 หรือ ที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ Kh-55 บ้างก็เรียกว่า Kh-101 ที่มีการออกแบบตั้งแต่ยุคสงครามเย็น และ สำนักข่าวกลาโหมชั้นนำหลายแห่ง รวมทั้ง Military-Today.Com กล่าวว่า ไม่เคยปรากฏอยู่ในสารบบอาวุธของโซเวียต/รัสซียมาก่อนหน้านี้ ทั้งยังไม่มีฝ่ายใดทราบแน่ชัดว่า มีการผลิตออกมาแล้วหรือยัง
หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่เคยมีฝ่ายใดแน่ใจมาก่อนว่า โซเวียตหรือรัสเซีย ผลิตจรวด X-55 ออกมาเมื่อไร เคยรู่จักกันแต่ X-555 และ X-15 ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่นำออกแสดง โดยใช้งานจริงให้เห็น
ตามข้อมูลจากเอกสารโครงการ จรวดในกลุ่ม X เป็นจรวดร่อนขนาดใหญ่ รุ่นใหญ่ที่สุด ความยาวเกือบ 7.5 เมตร วัดรอบได้กว่า 50 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 2.4 ตัน ติดหัวรบระเบิดแรงสูงหนักกว่า 1 ตัน หรือ ติดหัวรบนิวเคลียร์ขนาด 200 กิโลตัน มีคุณสมบัติยิงได้ไกลถึง 2,500 กิโลเมตร โดย "ร่อน" ไปในระยะต่ำมาก เรดาร์ทั่วไปไม่สามารถตรวจจับได้ สามารถติดตั้งได้บนเครื่องบินทิ้งระเบิด 2-3 รุ่น คือ Su-34, Tu-95MS และ Tu-160 ซึ่งรุ่นหลังนี้ สามารถติดได้ถึง 12 ลูก
นอกจากนั้น Tu-160 ยังสามารถบรรทุกจรวดร่อนโจมตี ความเร็วเหนือเสียงแบบ X-15 ได้อีก 24 ลูก ทั้งจรวด X-15 และ X-55 จึงเป็นระบบอาวุธใหม่ สำหรับเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์รุ่นนี้ ซึ่งมีขีดความสามารถในการยิงโจมตีจากระยะไกล
สำหรับ Tu-22M3 ไม่เพียงแต่ปฏิบัติการบนบกเท่านั้น หากถูกออกแบบมา และ ติดตั้งระบบควบคุมต่างๆ สำหรับปฏิบัติการทิ้งระเบิดหรือโจมตีทางทะเลอีกด้วย โดยมีระยะทำการถึง 2,400 กม. ด้วยความเร็วเหนือเสียง และ จากเพดานบินที่ "สูงมาก"
เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ทั้งสามรุ่น สามารถเติมน้ำมันกลางอากาศได้ ทำให้ออกปฏิบัติการได้ทั่วโลกอย่างไร้ขีดจำกัด จนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีการส่งออก มีใช้เฉพาะในรัสเซีย และสาธารณรัฐยูเครน เพียงสองประเทศเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดเป็นมรดกตกทอดจากยุคสหภาพโซเวียต
.
2
3
4
ยกเว้น Tu-95MS ที่สร้างก่อน ทั้ง Tu-160 และ Tu-22M3 ที่สร้างในยุคหลัง ล้วนเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ความเร็วเหนือเสียง ที่รัสเซียในยุคใหม่พัฒนาต่อเนื่องมาอีกขั้นหนึ่ง จนสามารถติดระบบอาวุธรุ่นใหม่ได้หลากหลายยิ่งขึ้น ใน "แอร์เฟรม" เดิม
กลุ่มนาโต้ตั้งฉายา Tu-95 ว่า "แบร์" (Bear) หรือ "หมี" ผลิตออกมาหลายปี ก่อนที่สงครามเวียดนามจะเริ่มขึ้น ยังใช้เครื่องยนต์ใบพัด ทำความเร็วสูงสุดได้แค่ 920 กม./ชม. ปัจจุบันก็ยังเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดใหญ่ที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง ใหญ่กว่า B-52 ของสหรัฐ ตามมาด้วย Tu-22 "แบ็คไฟร์" (Backfire) ที่เข้าประจำการในช่วงปลายสงครามเวียดนาม และ Tu-160 "แบล็คแจ็ค" (Blackjack) เป็นรุ่นใหม่สุด เข้าประจำการเมื่อปี 2530 สองรุ่นหลังติดเครื่องยนต์เจ็ต ความเร็วระดับซูเปอร์โซนิก และ ทั้งสามรุ่นล้วนเป็นคู่ปรับ ของกองทัพเรือสหรัฐในย่านแปซิฟิกในทุกยุคสมัย แต่ยังไม่เคยได้ออกปฏิบัติการในสงครามเลยสักครั้ง
หลังสงครามเวียดนามยุติลงในปี 2518 อย่างน้อยที่สุดเคยมี Tu-95 "หมี" จำนวน 1 ลำ ถูกส่งไปประจำการฐานทัพอากาศของโซเวียต ที่อ่าวกามแรง (Cam Ranh) และ อยู่ต่อมาจนกระทั่งปี 2534 ยุคที่อาณาจักรใหญ่คอมมิวนิสต์ล่มสลาย นอกจากนั้นภาพถ่ายจำนวนหนึ่ง ที่เผยแพร่ในยุคหลัง ยังแสดงให้เห็น Tu-22M เคยบินไปใช้ฐานทัพอากาศแห่งนั้น ในขณะที่เรือพิฆาตกับเรือดำน้ำโซเวียต หลายรุ่นประจำที่ฐานทัพเรือ ซึ่งอยู่ใกล้กัน ในบริเวณอ่าวยุทธศาสตร์ของเวียดนาม
ปัจจุบัน Tu-160 ที่ประจำในภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ยังคงออกบินตรวจการณ์เป็นปรกติ ในย่านแปซิฟิกตะวันตก และ ทะเลญี่ปุ่น
กองทัพเรือสหรัฐระบุว่า สัปดาห์ปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ส่งเครื่องบินขับไล่โจมตี F/A-18E "ซูเปอร์ฮอร์เน็ต" ลำหนึ่งขึ้นประกบ Tu-160 ของรัสเซียลำหนึ่ง ที่บินเข้าใกล้เรือบรรทุกเครื่องบินโรนัลด์ เรแกน ในทะเลแปซิฟิก ใกล้เกาะญี่ปุ่น โดยบินในระยะต่ำมากและห่างเรือบรรทุกเครื่องบินออกไปเพียงกิโลเมตรเศษเท่านั้น.