ย่างกุ้ง (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์ถึงประธานาธิบดีเต็งเส่ง แห่งพม่า เมื่อวันพฤหัสบดี แสดงความยินดีต่อความสำเร็จในการจัดการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ และในวันเดียวกัน ได้โทรศัพท์ถึงนางอองซานซูจี ที่ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น โดยกล่าวยกย่องผู้นำพรรคฝ่ายค้านในความอดทน และความพยายามไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เสียสละ ใช้เวลานานหลายปีเพื่อให้มีประชาธิปไตยที่มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นในพม่า
โฆษกทำเนียบข่าว กล่าวว่า ปธน.สหรัฐฯ ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีพม่า โดย “สองผูนำได้หารือกันเกี่ยวกับความสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องเคารพผล (การเลือกตั้ง) อย่างเป็นทางการ ทันทีที่มีการประกาศ เพื่อทำงานร่วมกันด้วยจิตใจแห่งเอกภาพ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่มีส่วนร่วม และเป็นรัฐบาลตัวแทนที่สะท้อนความปรารถนาของประชานชน”
ปธน.สหรัฐฯ ได้บอกต่อผู้นำในพม่าทั้งสองคนว่า “การเลือกตั้งกับการจัดตั้งรัฐบาลอาจเป็นขั้นตอนที่สำคัญไปสู่การเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย กับความพยายามทำให้ประเทศมีอนาคตที่สงบสันติ และเจริญรุ่งเรือง”
สหรัฐฯ ได้เรียกร้องมาหลายครั้ง ให้ทั้งกองทัพพม่า รัฐบาล และฝ่ายต่างๆ เคารพผลการเลือกตั้งที่จะออกมา และรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เอาใจใส่ต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในพม่ามาอย่างใกล้ชิด ที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ เคยเดินทางเยือนพม่าถึง 2 ครั้ง ในความพยายามโน้มน้าวให้รัฐบาลกึ่งพลเรือนคลายกำปั้นเหล็ก และหันไปยอมรับการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนั้น ปธน.โอบามา ยังประกาศยกเลิกการคว่ำบาตรพม่าเกือบทั้งหมด หลังจากได้ใช้เป็นมาตรการลงโทษคณะปกครองทหารมาเป็นเวลา 2 ทศวรรษ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจพม่าอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวในสัปดาห์นี้ว่า การยกเลิกแซงก์ชัน และข้อจำกัดต่างๆ ทั้งหมดมีความเป็นไปได้หลังการเลือกตั้งที่ใสสะอาด และยุติธรรมครั้งนี้
เรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่หน้า 1 ของหนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไล้ท์ออฟเมียนมาร์ ฉบับวันศุกร์ 13 พ.ย.นี้ ซึ่งรายงานว่า ปธน.พม่าได้บอกผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนการที่จะพบกับบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ในเร็วๆ นี้ และจะหามาตรการเพื่อถ่ายมอบอำนาจตามกำหนดเวลาในรัฐธรรมนูญ
ปธน.พม่า ยังได้ขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ในพันธสัญญาต่างๆ ตลอดจนความพยายามในความร่วมมือกับพม่า ระหว่างที่กำลังดำเนินการปฏิรูปประเทศ GNLM ระบุ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะนำพรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ แต่นางอองซานซูจี ถูกปิดกั้นโดยรัฐธรรมนูญ ทำให้ไม่สามารถขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ และกำลังจะเผชิญต่อปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาทางการเมืองที่รัฐบาลใหม่จะยังอยู่ใต้การครอบงำของกองทัพ ปัญหาการแบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา รวมทั้งปัญหากบฏกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
นางซูจี กล่าวระหว่างการปราศรัยหาเสียงว่า จะ “อยู่เหนือประธานาธิบดี” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้นำฝ่ายค้านอาจจะมีแผนจัดตั้งรัฐบาลเงาขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดแน่ใจว่า นางซูจี จะเสนอแต่งตั้งใครขึ้นเป็นผู้นำประเทศ.