สหรัฐฯ วางแผนปรับมาตรการคว่ำบาตรเมียนพม่า ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนในพม่า
คำประกาศดังกล่าวมีขึ้นก่อนหน้าการเยือนพม่าของนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันที่ 22 พฤษภาคม หลังจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของนางอองซานซูจี ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรพม่ามาเป็นระยะ เช่น ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินและการค้า หลังจากผู้นำทหารประกาศแผนปฏิรูป ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลพลเรือน ผ่อนปรนข้อจำกัดการค้าชั่วคราว ด้วยการอนุญาตให้จัดส่งผ่านท่าเรือและสนามบินได้เป็นเวลา 6 เดือน และออกใบอนุญาตให้บริษัทและนักลงทุนกว่า 100 รายได้รับการยกเว้นมาตรการคว่ำบาตร
ส่วนแผนการผ่อนปรนมาตรการครั้งนี้ คาดว่าจะเป็นการออกใบอนุญาตทั่วไปเพิ่มเติมให้แก่บริษัทเฉพาะราย และถอดรายชื่อบางบุคคลออกจากบัญชีรายชื่อผู้ถูกห้ามดำเนินธุรกรรมกับสหรัฐฯ
ทั้งนี้ คาดว่าเหตุผลที่สหรัฐฯ จะยังไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรพม่า เนื่องจากยังมีความกังวลลึกๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามชนกลุ่มน้อย รวมทั้งชาวมุสลิมโรฮิงญา นอกจากนี้ ยังคาดว่า สหรัฐฯ ต้องการใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนและความคืบหน้าในการปฏิรูปเป็นเงื่อนไขในการปรับปรุงสถานการณ์ภายในพม่า
คำประกาศดังกล่าวมีขึ้นก่อนหน้าการเยือนพม่าของนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันที่ 22 พฤษภาคม หลังจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของนางอองซานซูจี ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรพม่ามาเป็นระยะ เช่น ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินและการค้า หลังจากผู้นำทหารประกาศแผนปฏิรูป ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลพลเรือน ผ่อนปรนข้อจำกัดการค้าชั่วคราว ด้วยการอนุญาตให้จัดส่งผ่านท่าเรือและสนามบินได้เป็นเวลา 6 เดือน และออกใบอนุญาตให้บริษัทและนักลงทุนกว่า 100 รายได้รับการยกเว้นมาตรการคว่ำบาตร
ส่วนแผนการผ่อนปรนมาตรการครั้งนี้ คาดว่าจะเป็นการออกใบอนุญาตทั่วไปเพิ่มเติมให้แก่บริษัทเฉพาะราย และถอดรายชื่อบางบุคคลออกจากบัญชีรายชื่อผู้ถูกห้ามดำเนินธุรกรรมกับสหรัฐฯ
ทั้งนี้ คาดว่าเหตุผลที่สหรัฐฯ จะยังไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรพม่า เนื่องจากยังมีความกังวลลึกๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามชนกลุ่มน้อย รวมทั้งชาวมุสลิมโรฮิงญา นอกจากนี้ ยังคาดว่า สหรัฐฯ ต้องการใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนและความคืบหน้าในการปฏิรูปเป็นเงื่อนไขในการปรับปรุงสถานการณ์ภายในพม่า