เอเอฟพี - อองซานซูจี หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านของพม่ากล่าวว่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่กล่าวเกินจริงถึงชะตากรรมของชาวโรฮิงญาในประเทศ ที่หลายแสนคนถูกกันออกจากการเลือกตั้งครั้งสำคัญในวันอาทิตย์ (8)
ซูจี เผชิญต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากต่างชาติเกี่ยวกับการไม่พูดสนับสนุนชาวโรฮิงญา ชนกลุ่มน้อยมุสลิมที่ได้รับความยากลำบากจากเหตุรุนแรงระหว่างชุมชนในพม่าในช่วงที่ความรู้สึกชาตินิยมทางศาสนาขยายตัว
การเลือกตั้งทั่วไปในพม่าถูกยกว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งที่เป็นธรรมที่สุดในรอบหลายทศวรรษ แต่กลับมีชาวโรฮิงญาหลายแสนคนจากรัฐยะไข่ถูกตัดสิทธิการมีส่วนร่วม
“มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่เราไม่ควรพูดเกินจริงถึงปัญหาดังกล่าว” ซูจี กล่าวต่อผู้สื่อข่าวที่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติในการแถลงข่าวในนครย่างกุ้ง เมื่อถูกถามถึงชาวโรฮิงญาที่เป็นเหยื่อของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
“ฉันไม่ได้พูดว่านี่เป็นปัญหาเล็กๆ” ซูจี กล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว และพูดว่า หากพรรคของเธอชนะ ทุกคนในประเทศจะได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างเหมาะสมตามกฎหมาย
เมื่อสัปดาห์ก่อน ศูนย์สิทธิมนุษยชนของโรงเรียนกฎหมายมหาวิทยาลัยเยล ในสหรัฐฯ ได้ออกบทวิเคราะห์ทางกฎหมายความยาว 80 หน้า อ้างว่าพบหลักฐานที่ระบุว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นต่อชาวโรฮิงญา
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชาวโรฮิงญาหลายหมื่นคนได้หลบหนีออกจากยะไข่ทางทะเล ที่มักไปขึ้นฝั่งมาเลเซียเพื่อหาโอกาสที่ดีกว่า แต่เหตุปะทะรุนแรงในปี 2555 ในรัฐยะไข่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 200 คน และอีกราว 140,000 คน ต้องไร้ที่อยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮิงญา
รัฐบาลพม่าได้ยืนยันว่า ชาวโรฮิงญาไม่ได้เผชิญการกดขี่ข่มเหง และโต้แย้งว่า คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ แม้ความจริงแล้วหลายคนใช้ชีวิตอยู่ในพม่ามาหลายชั่วอายุคนก็ตาม
ในรัฐยะไข่ ชาวโรฮิงญาเผชิญต่อข้อจำกัดเกี่ยวกับการจ้างงาน และการเดินทาง ซึ่งหลายคนอาศัยในค่ายผู้พลัดถิ่น
เมื่อเดือนก่อน องค์การนิรโทษกรรมสากลระบุว่า ชาวโรฮิงญาเผชิญต่อภาพอันเจ็บปวดของการโจมตีของกลุ่มม็อบ การเสียชีวิต และหายตัว ในรัฐยะไข่ ขณะที่มีการเตือนว่าผู้ลักลอบค้ามนุษย์อาจกลับมาดำเนินการต่อ
ความคิดเห็นของซูจีมีขึ้นเมื่อที่ปรึกษาพิเศษของสหประชาชาติด้านการป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เตือนถึงการตกเป็นคนชายขอบของชนกลุ่มน้อยทางศาสนา โดยเฉพาะชาวมุสลิมโรฮิงญา
ไม่มีพรรคการเมืองใหญ่พรรคใด รวมทั้งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของซูจี ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งชาวมุสลิมลงแข่งขันในการเลือกตั้งวันอาทิตย์ แม้ชาวมุสลิมจะมีจำนวนอยู่ประมาณ 5% ของประชากรทั้งหมดในประเทศก็ตาม.