รอยเตอร์ - การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของพม่าในเดือนหน้า มีแนวโน้มที่จะทำให้ชะตากรรมของชุมชนชาวมุสลิมโรฮิงญาย่ำแย่ลง ด้วยพรรคการเมืองของชาวพุทธหัวรุนแรงกำลังจะกลายเป็นกองกำลังที่น่ากลัว
ความรู้สึกชาตินิยมชาติพันธุ์ที่ขยายตัวขึ้นในรัฐยะไข่ ทางภาคตะวันตกของพม่า อาจส่งผลให้การเลือกปฏิบัติต่อชาวโรฮิงญาทวีความรุนแรงขึ้น
รัฐบาลได้ห้ามชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่จากทั้งการเลือกตั้ง และลงสมัครรับเลือกตั้ง นำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสหประชชาติ และยังเป็นการบ่อนทำลายความพยายามของพม่าที่จะแสดงภาพของการเลือกตั้งวันที่ 8 พ.ย.นี้ ว่า เป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ของประเทศ
พรรคแห่งชาติยะไข่ (ANP) องค์กรชาวพุทธชาติพันธุ์ยะไข่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีก่อน โดยพรรคพยายามอย่างมากที่จะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของบรรดาผู้ที่เป็นพลเมืองชั่วคราวของประเทศ ที่รวมถึงส่วนใหญ่ของชาวโรฮิงญากว่า 1 ล้านคน ที่อาศัยในรัฐยะไข่ และยังคงถูกมองว่าเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ แม้ว่าหลายคนอาศัยอยู่ในพม่ามาหลายชั่วอายุก็ตาม
บนกระดานที่สำนักงานใหญ่พรรค ANP ในเมืองสิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ ติดสัญลักษณ์ที่แสดงความมุ่งหมายจะพิชิตการเลือกตั้ง และพรรคกำลังแจกใบปลิวที่ระบุให้รักเชื้อชาติของตัวเอง รักษาสายเลือดบริสุทธิ์ และชาวยะไข่ควรลงเสียงให้ ANP
ชาวโรฮิงญา มีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรในรัฐยะไข่ และหลายคนเป็นดังนักโทษอยู่ภายในค่ายพักชั่วคราว หรือตามหมู่บ้านที่ถูกแบ่งแยก ถูกจำกัดการเดินทางในบางพื้นที่ การเข้าถึงการรักษาพยาบาล และการศึกษา
“สำหรับเขตเลือกตั้งที่มีผู้ถือบัตรขาวจำนวนมาก เรามีโอกาสดีมากที่จะชนะ” เอ นู เส่ง รองหัวหน้าพรรค ANP กล่าว โดยอ้างถึงบัตรประจำตัวที่ออกให้แก่พลเมืองชั่วคราวภายใต้การปกครองของอดีตรัฐบาลทหาร
พรรค ANP ต้องการที่จะเห็นชาวโรฮิงญาถูกย้ายเข้าไปอยู่ที่ค่าย หรือถูกเนรเทศ
“เราไม่ยอมรับคำว่า “ไร้รัฐ” ที่ประชาคมโลกใช้เรียกขาน พวกเขามาจากบังกลาเทศ พวกเขามีศาสนา เชื้อชาติ การรับรู้ และประเพณีเฉกเช่นเดียวกันกับผู้คนในบังกลาเทศ” เอ นู เส่ง กล่าว
บัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้แสดงความเห็นตำหนิต่อความเคลื่อนไหวในการเพิกถอนสิทธิชาวโรฮิงญา
“ผมผิดหวังอย่างมากจากการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของชาวโรฮิงญา และชุมชนชนกลุ่มน้อยอื่นๆ การห้ามผู้ที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาที่เป็นชาวโรฮิงญาจากการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างมาก” บัน คี-มูน กล่าวเมื่อเดือนก่อน
ในการเลือกตั้งปี 2553 มีผู้แทนที่ได้รับเลือกเข้าสู่รัฐสภาระดับชาติจากรัฐยะไข่ทั้งหมด 29 คน มี 3 คนเป็นชาวโรฮิงญา และมีสมาชิกสภานิติบัญญัติชาวโรฮิงญา 2 คน ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิก 35 คน ของสภาระดับภูมิภาครัฐยะไข่ในปีนั้น
แต่ในปีนี้ พรรค ANP อาจกวาดเกือบหมดทุกที่นั่ง
.
.
พรรค ANP ส่งผู้สมัครลงแข่งขันในการเลือกตั้งระดับชาติ และระดับภูมิภาคของรัฐยะไข่ 63 ที่นั่ง จากทั้งหมด 64 ที่นั่ง และยังส่งผู้สมัครลงแข่งนอกรัฐอีก 14 ที่นั่ง โดยหนึ่งในเป้าหมายของพรรคคือ การชนะตำแหน่งมุขมนตรีของรัฐยะไข่
“หากพรรค ANP ชนะอย่างถล่มทลายอย่างที่คาดไว้ พวกเขาจะมีสิทธิครองตำแหน่งมุขมนตรี และดำเนินการตามวาระทางการเมืองของพวกเขาที่รวมทั้งการกำหนดข้อจำกัดเพิ่มเติมต่อชาวมุสลิม” ริชาร์ด ฮอร์ซี นักวิเคราะห์การเมืองอิสระในนครย่างกุ้ง กล่าว
“พรรค ANP จะมีเสียงแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเขามีในตอนนี้ในเวทีการเมืองระดับชาติ และจะตั้งกลุ่มอนุรักษนิยมชาวพุทธขึ้นในรัฐสภาชุดใหม่” ฮอร์ซี กล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐยะไข่มีความสัมพันธ์เต็มไปด้วยปัญหากับชนชาติพม่าที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ แม้ว่าชาวพม่าจะนับถือพุทธ แต่ชาวยะไข่อ้างว่าพื้นที่ของพวกเขาถูกทางการละเลยมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ
พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ของรัฐบาล และพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของอองซานซูจี เป็นชนชาติพม่าโดยส่วนใหญ่
ซูจี กำลังวางแผนเดินทางไปยังรัฐยะไข่ในช่วงกลางเดือน ต.ค. แต่ซูจี จะไม่พูดคุยถึงประเด็นชาวโรฮิงญา หรือความเป็นพลเมือง วิน เต็ง สมาชิกอาวุโสของพรรค NLD กล่าว
“หากเราทำเช่นนั้นเราจะถูกโจมตี เราจะพูดเพียงแค่เลือกพรรค NLD” วิน เต็ง กล่าว
วิน เต็ง กล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนชาวยะไข่ได้กลายเป็น “ผู้รักชาติขั้นสูง” และยอมรับว่า พรรค NLD เผชิญต่อการต่อสู้ที่ยากลำบากต่อพรรค ANP ในทุกเขตเลือกตั้งของรัฐยะไข่ ซึ่งพรรค NLD ถูกมองว่า ให้การสนับสนุนชาวมุสลิม และเห็นอกเห็นใจชาวโรฮิงญา
ส่วนพรรค USDP ของรัฐบาล ที่ถูกมองว่าไม่สนใจพัฒนารัฐยะไข่ ที่เป็นหนึ่งในรัฐที่ยากจนที่สุดของประเทศ ต้องเผชิญต่อความขุ่นข้องหมองใจที่มีมายาวนานของคนในพื้นที่ ยกเว้นเพียงไม่กี่แห่งที่มีทหารอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้เชี่ยวชาญระบุ
“ANP เป็นพรรคที่แข็งแกร่งที่สุดในรัฐยะไข่ ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างไร พวกเราชาวยะไข่จะลงคะแนนเสียงให้แก่ชาวยะไข่ด้วยกัน” กอ ละวิน ชาวพุทธยะไข่เจ้าของร้านค้าในเมืองสิตตเว กล่าว.