พรรค “ซูจี” ครองเสียงข้างมากได้สิทธิตั้งรัฐบาลพลเรือนชุดแรกในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ

เอพี - ในที่สุดพรรคฝ่ายค้านของอองซานซูจี ก็สามารถครองเสียงข้างมากในสภาพม่าได้ในวันนี้ (13) ที่จะทำให้พรรคสามารถตั้งรัฐบาลพลเรือนอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกของประเทศในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ

แม้การนับคะแนนเสียงยังไม่เสร็จสิ้น แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งสหภาพระบุว่า พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจี ได้เก้าอี้เพิ่มอีก 37 ที่ ส่งผลให้พรรคมีที่นั่งในสภาเกินกว่าเกณฑ์ 329 ที่นั่ง ที่พรรคจำเป็นต้องได้เพื่อครองเสียงข้างมากในสองสภา

พรรคที่ครองเสียงส่วนใหญ่ในสองสภารวมกันมีสิทธิที่จะเลือกประธานาธิบดีคนถัดไป ที่จะเป็นผู้แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่ โดยตัวเลข 329 ที่นั่ง คือ จำนวนเสียงข้างมากในสภาที่มีสมาชิกรวม 664 ที่นั่ง เพราะไม่มีการจัดเลือกตั้งใน 7 เขตเลือกตั้ง เนื่องจากเหตุไม่สงบ

พรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ที่ทหารให้การสนับสนุนจนถึงตอนนี้ได้ที่นั่งมาแค่ 40 ที่เท่านั้น และการมอบอำนาจจะเกิดขึ้นหลังสภาชุดใหม่เข้าประชุมในต้นปีหน้า และลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ พร้อมกับรองประธานาธิบดี 2 คน

หลังจากนี้ พรรค NLD จะเผชิญต่อความท้าทายหลากหลายประการ และการขาดประสบการณ์ในการบริหารรัฐของพรรคยังเป็นอีกหนึ่งคำถามใหญ่

แต่ชัยชนะครั้งนี้นับเป็นโอกาสครั้งที่ 2 ของพรรค หลังจากที่เคยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งที่พรรคร่วมลงแข่งขันครั้งแรกในปี 2533 แต่ถูกทหารปฏิเสธผลการเลือกตั้ง และสมาชิกแกนนำหลายคนของพรรคถูกคุกคาม และจำคุก ขณะที่ ซูจี นั้นถูกกักบริเวณในบ้านพักก่อนการเลือกตั้งปี 2533 และใช้เวลา 15 ปี ในช่วง 22 ปีต่อมา ถูกควบคุมตัวในบ้านริมทะเลสาบในนครย่างกุ้ง

แม้กองทัพไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้ของพรรค USDP แต่กองทัพทราบถึงชัยชนะครั้งมโหฬารของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของซูจี ในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (8) และได้ให้คำมั่นว่าจะเคารพผลการเลือกตั้งสุดท้าย

สำนักงานของ พล.อ.มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระบุว่า กองทัพจะจัดการหารือกับซูจี หลังผลการเลือกตั้งเสร็จสมบูรณ์ ตามคำเชิญของซูจี เมื่อวันพุธ (11) ที่ต้องการพบหารือกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมกับประธานาธิบดีเต็งเส่ง และประธานสภาฉ่วย มาน

ปัญหาใหญ่อีกหนึ่งอย่างสำหรับพรรค NLD คือ วิธีที่พรรคจะจัดการต่อชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ในประเทศ ที่ในช่วงหลายทศวรรษมีเหตุไม่สงบเกิดขึ้นเป็นระลอกในความพยายามที่จะหาทางปกครองตนเอง แม้พรรคจะเป็นพันธมิตรหลวมๆ กับชนกลุ่มน้อย แต่เมื่ออยู่ในอำนาจพรรคจะต้องตัดสินใจเลือกวิธีที่จะรักษาสมดุลระหว่างชาติ กองทัพ และผลประโยชน์ของชนกลุ่มน้อย

ความตึงเครียดทางเชื้อชาติ และศาสนาที่เกี่ยวข้องต่อชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญา และชาวมุสลิมอื่นๆ ก็เป็นอีกความท้าทายที่ถูกทำให้ซับซ้อนขึ้น โดยพระสงฆ์หัวรุนแรงที่มีอิทธิพล และปัญหาถูกโยงขยายไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันถูกกล่าวหาว่าเฉื่อยชาไม่สนใจ และอาจสมรู้ร่วมคิดในสิ่งที่บางคนเรียกว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา

ชัยชนะของซูจีครั้งนี้ถูกคาดการณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่มีไม่มากนักที่คาดการณ์ว่าจะถล่มทลายในสัดส่วนเช่นนี้ผลคะแนนเลือกตั้งจากประชาชนสะท้อนให้เห็นถึงการปฏิเสธการปกครองของทหารในพม่า

เต็งเส่ง เคยทำหน้าที่อยู่ในรัฐบาลทหาร และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหลังพรรค USDP ชนะการเลือกตั้งปี 2553 ที่พรรค NLD คว่ำบาตรด้วยเหตุผลว่าการเลือกตั้งนั้นไม่ยุติธรรม รัฐบาลของเต็งเส่ง ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของพรรค NLD ในการแก้ไขกฎหมายการเลือกตั้ง ทำให้พรรคฝ่ายค้านตกลงที่จะมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งซ่อมปี 2555 ที่ทำให้พรรคฝ่ายค้านคว้าที่นั่งไปทั้งหมด 43 ที่ จากที่เปิดให้ลงแข่งขัน 44 ที่.