ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่วิดีโอคลิปชิ้นหนึ่งในวันพุธ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นการโจมตีที่ตั้งกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ISIS ในหลายพื้นที่ในประเทศซีเรีย โดยยิงจากเรือรบ 4 ลำ ในทะเลสาปแคสเปียน ที่อยู่ห่างออกไปถึง 1,500 กิโลเมตร ข้ามดินแดนประเทศอิหร่านกับอิรัก รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียแถลงว่า จรวดทั้งหมดพุ่งเข้าทำลายทุกเป้าหมายอย่างแม่นยำ
วิดีโอคลิปชิ้นนี้แสดงเหตุการณ์ที่หาดูได้ยาก หลังจากที่ชาวโลกเคยได้เห็นเทคโนโลยีคล้ายกันนี้ของกองทัพสหรัฐฯ เมื่อครั้งยิงจรวดร่อนโทมาฮอว์กนับร้อยลูกจากเรือพิฆาต และเรือดำน้ำในทะเลอาหรับ เข้าถล่มเป้าหมายฝ่ายรัฐบาลประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ในกรุงแบกแดด และ เมืองสำคัญอื่นๆ ทั้งกลางวัน กลางคืน ในช่วงสงครามอิรัก และเป็นที่ราบกันดีว่า จรวดร่อนของสหรัฐฯ ปฏิบัติการตามโปรแกรมที่ตั้งล่วงหน้า และนำทางด้วยดาวเทียม
ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปเช่นในวิดีโอคลิปก็นับเป็นครั้งแรกที่โลกได้เห็นอยู่ต่อหน้า เทคโนโลยีจรวดโจมตีทางยุทธวิธีระยะไกลอันล้ำหน้าของรัสเซีย ที่มีการยิงข้าม 2 ประเทศไปทำลายเป้าหมายที่อยู่ไกลลิบ ในประเทศที่สาม และทำลายหลายเป้าหมายพร้อมๆ กัน ทั้งเป็นการเปิดเผยให้เห็นอาวุธลับของรัสเซีย โดยไม่กลัวระบบต่อต้านอาวุธนำวิถีของโลกตะวันตกอีกต่อไป และ รัสเซียไม่ได้เปิดเผยเทคโนโลยีใช้นำวิถีในการยิงจรวดร่อนโจมตีจากระยะไกลในครั้งนี้
พล.อ.เซอร์เก ชอยกู รมว.กลาโหม กล่าวว่า เรือรบทั้ง 4 ลำ ในทะเลสาปแคสเปียน ยิงจรวดรวม 26 ลูก (ในคืนวันพุธ) โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลอิหร่านกับอิรัก จรวดตรงไปทำลายเป้าหมาย จำนวน 11 แห่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และทั้งหมด “ร่อน” ไปตามเส้นทางที่กำหนด โดยหลีกเลี่ยงตัวเมือง กับแหล่งที่มีประชาชนอาศัยหนาแน่นเพื่อป้องกันมิให้ได้รับผลกระทบ
“เรือติดจรวด 4 ลำ ได้ยิงจรวดร่อน จำนวน 26 ลูก ไปทำลาย 11 เป้าหมาย ตามข้อมูลการควบคุมที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เป้าหมายถูกทำลายทั้งหมด ไม่มีพลเรือนได้รับความเสียหาย (จากปฏิบัติการ)” รมว.กลาโหมรัสเซีย กล่าว
แผนที่แสดงประกอบในวิดีโอคลิปแสดงให้เห็นเส้นทางของจรวดที่คดเคี้ยว และในบางช่วงแสดงให้เห็นการวิ่งสลับเส้นทางกัน กลายเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง และเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงมีผู้เข้าชมวิดีโอคลิปชิ้นนี้จำนวนหลายหมื่นคน พร้อมถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง
.
.
ตามรายงานของสื่อทางการ เรือทั้ง 4 ลำที่ร่วมปฏิบัติการจากทะเลสาปแคสเปียน ได้แก่ เรือดาเกสตาน (Dagestan) ซึ่งเป็นเรือฟรีเกตชั้นเกพาร์ด (Gephard 3.9-Class) กับเรือคอร์แว็ตอีก 3 ลำ คือ เรือกราด สวียาซค์ (Grad Sviyazhsk) เรืออูกริช (Uglich) และ เรือเวเลกี อุตยุก (Veleky Utyug) ซึ่งทั้งหมดเป็นเรือชั้นบูยัน-เอ็ม (Buyan-M-Class)
จรวดร่อนที่ยิงจากระบบท่อยิงแนวตั้ง Kalibr NK (Klub) ทั้งหมดเป็นจรวดนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง (High Precision Cruise Missile) สามารถยิงทำลาย โดยมีระยะพลาดเป้าหมายเพียง 3 เมตรเท่านั้น จากระยะยิง 2,500 กม.
ทั้งกระทรวงกลาโหม และสื่อของทางการไม่ได้เปิดเผยรุ่นของจรวด แต่เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า รัสเซียมีจรวดร่อนในตระกูลคลูบ (Klub) หลายรุ่น ที่มีระยะยิงตั้งแต่หลายร้อย จนถึงหลายพัน กม. ทั้งยิงจากเรือรบ และจากเรือดำน้ำ
เมื่อหันมามองใน ย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันเวียดนามเป็นเพียงประเทศเดียวที่มีจรวดร่อนตระกูล "คลูบ" ยิงโจมตีเป้าหมายบนบกได้ สื่อทางการรัสเซียได้ยืนยันข่าวก่อนหน้านี้ว่า เรือดำน้ำชั้นคิโล (Kilo-Class) ของกองทัพเรือเวียดนามทั้ง 6 ลำ ติดตั้งจรวดร่อนรุ่นหนึ่ง ที่สามารถยิงโจมตีเป้าหมายสำคัญ (High Value Targets) ลึกเข้าไปในผืนทวีปหลายร้อยกิโลเมตร
.
.
2
3
ปัจจุบัน กองทัพเรือเวียดนามมีเรือฟริเกตเกพาร์ด 3.9 ประจำการ จำนวน 2 ลำ และสั่งซื้ออีก 2 ลำ ซึ่งลำแรกในล็อตใหม่มีกำหนดส่งมอบปี 2560 เวียดนามยังไม่เคยเปิดเผยระบบอาวุธที่ติดตั้งบนเรือฟรีเกตทั้ง 2 ลำ ซึ่งเป็นชั้นเดียวกันกับเรือดาเกสตานของรัสเซีย ในทะเลสาปแคสเปียน
กลับไปยังซีเรีย - รัสเซียได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญยิ่งในการช่วยรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสสาด (Bashar al-Assad) ต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม ISIS เป็นการปฏิบัติการเพื่อปกป้องรัฐบาลในกรุงดามัสกัส ซึ่งสวนทางกับสหรัฐฯ และโลกตะวันตกที่ทำสงครามกับ ISIS ขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนฝ่ายต่อต้านในการโค่นล้มประธานาธิบดีอัสสาด
ตามตัวเลขของตะวันตก รัสเซียส่งเครื่องบินรบอย่างน้อย 32 ลำ เฮลิคอปเตอร์ขนส่ง/โจมตีแบบ Mi-24/Mi-28 อีกอย่างน้อย 12 ลำ ไปประจำการที่ฐานทัพอากาศ สนามบินนานาชาติบาสเซล อัล-อัสสาด (Bassel al-Assad) เมืองลาตาเกีย (Latakia) ส่งเรือรบอีก 4 ลำ จากกองเรือทะเลดำ หมุนเวียนกันไปประจำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เป็นเรือลาดตระเวน (Cruiser) 1 ลำ เรือพิฆาต 1 ลำ กับเรือฟริเกตอีก 2 ลำ
ตามรายงานของสื่อทางการ สัปดาห์ที่ผ่านมา เครื่องบินรบของรัสเซียได้ออกปฏิบัติการโจมตี และทิ้งระเบิดเป้าหมายกลุ่ม ISIS กว่า 120 เที่ยวบิน และยังไม่เคยสร้างความเสียหายให้แก่พลเรือนสัปดาห์นี้เรือรบได้เข้าร่วมการโจมตีเป็นครั้งแรก.