แถ่งเนียน - พ่อค้าขายผลไม้บนถนนฮายบ่าจุง ในนครเกิ่นเทอ เขตที่ราบปากแม่น้ำโขงทางภาคใต้ของประเทศ เผยว่า ทุกวันนี้ร้านของเขาต้องนำเข้าผลไม้จากไทย ทั้งลางสาด มะขาม ทุเรียน และมะม่วงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีความต้องการสูง
พ่อค้ารายนี้เผยต่อสื่อท้องถิ่นของเวียดนาม ว่า ลางสาดของท้องถิ่นมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับของไทย และเม็ดยังใหญ่กว่า ส่วนรสชาติลางสาดเวียดนามออกเปรี้ย วขณะที่ของไทยนั้นมีรสชาติหวาน
“ผู้บริโภคชอบลางสาดไทยมากกว่า แม้จะมีราคาถึง 50,000 ด่งต่อกิโลกรัม (ประมาณ 80 บาท) ซึ่งแพงกว่าของท้องถิ่น 3 เท่า” พ่อค้าผลไม้ กล่าว
ส่วนแม่ค้าอีกรายหนึ่งบนถนนเหวียนท้ายหอค ระบุว่า ร้านของเธอขายผลไม้ไทยเป็นส่วนใหญ่
“ลูกค้าหลายคนซื้อมังคุดไทยเป็นกล่องเพื่อเป็นของขวัญให้แก่ญาติ หรือเพื่อนๆ”
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชสวนภาคใต้ ระบุว่า มังคุดไทยมีแนวโน้มที่จะเกิดยางไหลในมังคุด หรือเปลือกเสียหายน้อยกว่าของเวียดนาม
ลูกค้าชาวเวียดนามไม่ชอบผลไม้ท้องถิ่น ไม่เพียงเพราะผลไม้มีคุณภาพด้อยกว่า แต่ยังเป็นเพราะเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการใช้สารเคมี
ประเทศไทยในเวลานี้เป็นผู้ส่งออกผัก และผลไม้รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และจากสถิติของทางการเผยว่า เวียดนามใช้จ่ายไปเกือบ 135 ล้านดอลลาร์ ในการนำเข้าผัก และผลไม้ของไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้
แต่ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์เวียดนามเตือนว่า การผลิตทางการเกษตรของเวียดนามจะเผชิญต่อการแข่งขันรุนแรงจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเมื่อประชาคมเศรฐกิจอาเซียนเริ่มต้นขึ้นในสิ้นปีนี้
“แรงกดดันต่อการผลิตในท้องถิ่นจะสูงขึ้นมากเมื่อสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียนเข้ามาในเวียดนามแบบปลอดภาษีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2559” นักเศรษฐศาสตร์ กล่าว.