เอพี - จอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ อยู่ในระหว่างการเยือนเวียดนามเพื่อร่วมฉลองครบรอบ 20 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างวอชิงตัน และฮานอย หลังเดินทางเยือน 5 ประเทศในตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แคร์รี่ เดินทางถึงเวียดนามในวันพฤหัสบดี (6) หลังแวะเยือนอียิปต์ กาตาร์ สิงคโปร์ และมาเลเซีย และมีแผนที่จะพบหารือกับเจ้าหน้าที่เวียดนามในวันนี้ (7) รวมทั้งกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-เวียดนาม
แม้สองประเทศจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ขึ้นใหม่ รวมทั้งแลกเปลี่ยนการค้า การศึกษา และวัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้น แต่สหรัฐฯ ยังคงวิตกเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเวียดนาม ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า แคร์รี่ จะยกประเด็นปัญหาดังกล่าวขึ้นหารือ และเรียกร้องให้มีการปรับปรุง
นอกจากนั้น แคร์รี่จะสนับสนุนให้เวียดนามดำเนินการเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าแปซิฟิก และย้ำถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่จะช่วยเหลือเวียดนามปกป้อง และลาดตระเวนน่านน้ำของเวียดนาม หลังจากปีก่อน รัฐบาลของโอบามา ได้ยกเลิกการห้ามค้าอาวุธบางส่วนต่อเวียดนาม ที่ส่งผลให้สหรัฐฯ สามารถจัดหาเครื่องบินตรวจการณ์ชายฝั่ง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้เวียดนามได้ แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่มีแนวโน้มว่าการผ่อนคลายจะขยายเพิ่มเติมจนกว่าเวียดนามจะมีความคืบหน้าในด้านสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม วอชิงตันกำลังสำรวจหนทางอื่นๆ ที่จะช่วยเวียดนามเสริมศักยภาพในการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และให้แน่ใจว่าพื้นที่ทางทะเล และการทำประมงของเวียดนามมีความปลอดภัย
เวียดนาม เป็นหนึ่งในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แข่งขันอ้างสิทธิกับจีนเหนือพื้นที่ในทะเลจีนใต้ และมองหาการสนับสนุนของสหรัฐฯ เพื่อเจรจาแก้ปัญหาข้อพิพาท
แคร์รี่ เดินทางเยือนเวียดนามหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมความมั่นคงภูมิภาคในมาเลเซีย ที่แคร์รี่และรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนได้ปะทะกันว่า ใครคือผู้ที่ควรถูกกล่าวโทษว่าเพิ่มความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ สหรัฐฯ และประเทศเพื่อนบ้านตัวเล็กๆ ของจีน เรียกร้องให้จีนยุติการถมทะเลสร้างเกาะเทียมในพื้นที่พิพาทที่ปักกิ่งอ้างสิทธิอธิปไตยฝ่ายเดียว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ระหว่างการเยือนเวียดนามครั้งนี้ แคร์รี่ สนใจที่จะหารือถึงความคืบหน้าในการเปิดมหาวิทยาลัยฟุลไบรท์ ที่จะเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงที่เป็นอิสระแห่งแรกในเวียดนาม
การเยือนกรุงฮานอยของแคร์รี่ มีขึ้นหลังการเยือนวอชิงตันครั้งแรกของหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในรอบ 40 ปี หลังยุติสงครามเวียดนาม และในรอบ 2 ทศวรรษของการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อเดือนก่อน
เหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ใช้โอกาสดังกล่าวกล่าวถึงความแตกต่างในด้านสิทธิมนุษยชนไม่ควรให้เป็นอุปสรรคในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มองว่า ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นกับเวียดนามเป็นหลักหมุดในนโยบายเอเชียของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แต่สิทธิมนุษยชนยังคงเป็นรอยด่างแม้สหรัฐฯ จะทราบว่าการกดขี่ข่มเหงผู้เห็นต่างของเวียดนามนั้นลดลง โดยรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า เวียดนามยังคงจำคุกนักโทษการเมืองราว 125 คน จนถึงสิ้นปี 2557.