รอยเตอร์ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย แสดงความคิดเห็นไม่สนใจต่อข้อวิตกที่ว่า เวียดนามกำลังเบียดไทยในการเป็นฐานการผลิตของภูมิภาค โดยระบุว่าเวียดนามนั้นเป็นมิตรไม่ใช่คู่แข่ง
ความคิดเห็นนี้มีขึ้นระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง ของเวียดนาม เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และในช่วงเวลาที่บริษัทต่างชาติจำนวนมากกำลังย้ายการดำเนินการการผลิตจากไทยไปเวียดนาม ส่วนหนึ่งเนื่องด้วยเหตุผลด้านลอจิสติกส์
“วันนี้เราใช้คำว่าเพื่อน ไม่ใช่คู่แข่ง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับผู้นำเวียดนาม และว่าไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เจ้าหน้าที่ไทยแสดงความวิตกว่า เวียดนามกำลังดึงดูดการลงทุนด้านการผลิตจากต่างชาติมากขึ้น ความกังวลที่เพิ่มขึ้นสำหรับรัฐบาลที่กำลังหาทางกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนเพื่อเร่งการเติบโตที่ชะลอตัว
ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นพักๆ ในไทย รวมทั้งเหตุรุนแรงตามท้องถนน ก่อให้เกิดคำถามถึงความเหมาะสมของประเทศในการเป็นฐานการผลิตของภูมิภาคสำหรับนักลงทุนต่างชาติบางส่วน
นายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง กล่าวในการแถลงข่าวว่า ไทยและเวียดนามเห็นชอบที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายเป็น 20,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2563 ซึ่งในปี 2557 ที่ผ่านมา การค้าสองฝ่ายระหว่างไทย และเวียดนามอยู่ที่ 11,800 ล้านดอลลาร์ ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์
นับตั้งแต่มีการรัฐประหารในปี 2557 ไทยได้พยายามที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับประเทศจีนที่ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเวียดนามนั้นตึงเครียดจากเหตุพิพาทดินแดนในทะเลจีนใต้
จีนได้อ้างสิทธิอธิปไตยเหนือดินแดนทับซ้อนกับเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไต้หวัน และบรูไน ในทะเลจีนใต้
ไทย และเวียดนามระบุในคำแถลงร่วมวันนี้ (23) ว่า ข้อขัดแย้งดินแดนในทะเลจีนใต้กระทบต่อความไว้วางใจ และความเชื่อมั่น และอาจทำลายสันติภาพและความมั่นคง รวมทั้งความปลอดภัยและเสรีภาพในการเดินเรือ และทั้งสองประเทศยังย้ำถึงความจำเป็นสำหรับการดำเนินการอย่างครบถ้วน และมีประสิทธิภาพของปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้.