เอเอฟพี - สื่อพม่ารายงานวันนี้ (8) ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพม่าได้จับกุมตัวนักค้ามนุษย์ได้มากกว่า 90 รายในปีนี้ แต่ไม่มีคดีใดมาจากรัฐยะไข่ที่ชาวโรฮิงยาอพยพหลบหนีกันเป็นจำนวนมาก
หนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์ รายงานอ้างคำกล่าวของ ร.ต.อ.มิน นาย ที่เปิดเผยรายงานกิจกรรมการปราบปรามการค้ามนุษย์ใน 56 คดี ระหว่างเดือน ม.ค. ถึงเดือน พ.ค. โดยรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้กระทำผิดทั้งหมด 93 คน ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา
“เหยื่อชาวพม่าส่วนใหญ่ถูกขายเพื่อบังคับแต่งงานในจีน และบังคับใช้แรงงานในไทย” รายงานระบุ
คดีส่วนใหญ่พบเกิดขึ้นในรัฐชาน ทางตะวันออกของประเทศ ที่มีพรมแดนติดกับไทย ลาว และจีน รองลงมาคือ เมืองมัณฑะเลย์ และนครย่างกุ้ง สองเมืองใหญ่ของประเทศ แต่ไม่มีรายงานเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ในรัฐยะไข่ในปีนี้ ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชน และผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า รัฐยะไข่เป็นแหล่งค้ามนุษย์สำคัญ
รัฐยะไข่ เป็นพื้นที่ตึงเครียดระหว่างชาวพุทธที่เป็นคนส่วนใหญ่ และชาวมุสลิมโรฮิงยาที่เป็นคนส่วนน้อย ซึ่งหลายคนอาศัยอยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่นหลังเหตุไม่สงบปะทุขึ้นในรัฐยะไข่เมื่อปี 2555 ทางการพม่าปฏิเสธที่จะยอมรับชาวโรฮิงญา 1.3 ล้านคนเป็นพลเมืองของประเทศ และออกระเบียบข้อจำกัดต่างๆ เพื่อควบคุมชาวโรฮิงญา เช่น ขนาดครอบครัว การเคลื่อนย้าย และการทำงาน
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ชาวโรฮิงยาหลายหมื่นคนได้เดินทางหลบหนีออกจากยะไข่ ข้ามอ่าวเบงกอลที่ดำเนินการโดยผู้ลักลอบ และเครือข่ายค้ามนุษย์ จนกระทั่งการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ในไทยเมื่อเดือนก่อนได้สร้างความโกลาหลให้แก่บรรดาขบวนการค้ามนุษย์ที่ตัดสินใจทิ้งเหยื่อไว้กลางทะเล และบนบก
นับแต่นั้นมีชาวโรฮิงยา และบังกลาเทศราว 4,500 คน ถูกพาขึ้นฝั่งในภูมิภาค ขณะที่สหประชาชาติประเมินว่า ยังคงผู้อพยพประมาณ 2,000 คน ที่ยังติดอยู่กลางทะเล ส่วนพม่าตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากประชาคมโลกที่จะให้พม่ายุติการกดขี่ข่มเหงต่อชาวโรฮิงญา แต่ทางการพม่าย้ำว่าโรฮิงยาไม่ได้หลบหนีการกดขี่
หลังปิดหูปิดตาการอพยพมาเป็นเวลาหลายวัน กองทัพเรือพม่าได้พบเรือประมง 2 ลำ พร้อมผู้อพยพมากกว่า 900 คน ซึ่งถูกนำตัวมายังรัฐยะไข่ โดยทางการพม่านั้นยืนยันว่า ส่วนใหญ่ของผู้อพยพที่พบมาจากบังกลาเทศ และได้ให้คำมั่นที่จะส่งตัวกลับพรมแดนบังกลาเทศ
ผู้อพยพ 150 คน จากทั้งหมด 900 คน คาดว่าจะถูกส่งตัวกลับไปบังกลาเทศในวันนี้ (8) หลังทางการของสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันเกี่ยวกับที่มาของผู้อพยพ ในขณะที่ผู้อพยพคนอื่นๆ ยังคงติดอยู่ที่ค่ายพักชั่วคราวบริเวณชายแดน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้อพยพเหล่านี้เป็นคนของประเทศใด ซึ่งทั้งพม่า และบังกลาเทศต่างไม่เต็มใจที่จะรับผู้อพยพ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนวิตกกังวลว่า อาจมีผู้อพยพบางส่วนถูกผลักดันไปผิดประเทศ.
