ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ภาพรถเก๋งสวยโตโยต้าคัมรี่ที่กลายเป็นเศษเหล็ก ยังคงได้รับความสนใจแพร่หลายในประชาคมออนไลน์เวียดนาม และยังคงแชร์ภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา จากเว็บสู่เว็บอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในมากมายหลายประเด็น ทั้งในแง่ความปลอดภัยของผู้โดยสารในรถยนต์นั่งราคาแพง การไม่เคารพกฎจราจร และการใช้รถใช้ถนนของผู้เป็นเจ้าของรถ
เหตุเกิดเวลาประมาณ 11 น.ในวันดังกล่าว ในท้องที่ อ.หว่าวาง (Hoa Vang) นครด่าหนัง ขณะรถเก๋งคัมรี่ 2.4 เลขทะเบียน SB 3A 12315 นครด่าหนัง แล่นเข้าสี่แยกวงเวียนแห่งหนึ่ง ปาดหน้ารถบัสโดยสารวีไอพี เลขทะเบียน BKS 74B 00 237 ที่มีผู้โดยสารบนรถ จำนวน 30 คน แล่นมาด้วยความเร็ว จากถนนทางด้านซ้ายซึ่งเป็นทางเอก จึงถูกรถบัสพุ่งชนเข้าตรงๆ เข้ากลางลำ รถไถลไปประมาณ 100 เมตรกว่าจะหยุดลงได้ รถเก๋งคันงานมีสภาพยับยู่ยี่ทั้งคัน และมีผู้เสียชีวิตทันที 4 คน รวมทั้งคนขับ อีก 1 คน เสียชีวิตขณะถูกนำส่งโรงพยาบาล อีก 1 คนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้คนในสังคม สื่อทางการรายงาน
ถึงแม้ว่ารถบัสโดยสารจะแล่นมาจากด้านซ้ายมือของวงเวียน ในเส้นทางที่เป็นทางเอก (รถพวงมาลัยซ้าย) ถูกต้องตามกฎจราจรก็ตาม พนักงานขับรถวัย 44 ปี ชื่อ นายเลเญิตเฟือง (Le Nhat Phuong) ซึ่งถูกจับกุมในเวลาต่อมา ถูกตั้งข้อหาขับรถชนคนตายโดยประมาท ซึ่งอาจจะต้องโทษจำคุก 5-10 ปี
ตามรายงานของสื่อออนไลน์ภาษาเวียดนาม ผู้ขับรถโตโยต้าคัมรี่ คือ นายเหวียนหว่างแอง อายุ 28 ปี ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คน มีอายุตั้งแต่ 15-58 ปี เป็นน้องสาว บิดา-มารดา กับญาติของเขาเอง
เวลาต่อมา ผู้โดยสารบนรถบัสวีไอพีทั้งหมดถูกนำไปขึ้นรถโดยสารอีกคันหนึ่ง และเดินทางมุ่งหน้าต่อไปยัง จ.กว๋างบี่ง (Quang Binh) ซึ่งเป็นปลายทางถึงแม้จะเห็นใจครอบครัวต่อญาติมิตรผู้เคราะห์ร้ายในอุบัติเหตุครั้งนี้ก็ตาม ราษฎรชาวเน็ตเวียดนามส่วนใหญ่ชี้ไปยังผู้ขับรถเก๋ง ฐานขับรถไม่เคารพกฎจราจร เป็นต้นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมสร้างความสูญเสีย ทั้งแก่ชีวิต และทรัพย์สิน รวมทั้งรถเก๋งคันงามด้วย เขาเป็นต้นเหตุทำให้พ่อแม่กับญาติๆ ของตนเองต้องเสียชีวิต และเป็นต้นเหตุทำให้อื่นๆ ต้องเดือดร้อน และทำให้คนที่เคารพกฎหมายอีกคนหนึ่งต้องติดคุก
เจ้าหน้าที่คณะกรรมการความปลอดภัยการใช้รถใช้ถนนแห่งชาติกล่าวว่า รถโตโยต้าคัมรี่บรรทุกผู้โดยสารเกินอัตรา ขณะเกิดเหตุยังแล่นด้วยความเร็ว 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วกกว่าที่กฏหมายกำหนด ให้รถต้องชะลอความเร็วลงไม่เกิน 50 กม./ชม. ขณะแล่นรอบวงเวียน
หลายคนชี้ไปที่ “ความเปราะบาง” ของรถเก๋งราคาแพง (มูลค่าเกือบ 1.7 ล้านบาทในเวียดนาม) ที่ไม่สามารถปกป้องผู้โดยสารภายในรถได้ แต่อีกหลายลงความเห็นว่า คงจะไม่มีรถโดยสารส่วนบุคคลคันไหนยี่ห้อใดจะทนต่อการชนกระแทกอย่างรุนแรงเช่นกรณีนี้ได้ และหลายคนยกกรณีนี้ขึ้นเป็นอุทาหรณ์สอนใจผู้ใช้รถใช้ถนนให้ต้องยับยั้งชั่งใจ
“เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากคนขับรถทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชั่งใจก่อนจะขับรถเข้าวงกลม ชะลอความเร็วลง การยับยั้งชั่งใจนี้ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที แต่ทำให้ทุกคนมีความสุขต่อไปได้อีกชั่วอายุขัย” ผู้อ่านของเวียดนามเอ็กซ์เพรสคนหนึ่งเขียนความเห็นอย่างน่าคิด.
.
ต้องยับยั้งชั่งใจ VietnamNet
2
3
4