ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทางการเวียดนาม ขีดเส้นตายให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องสวมหมวกกันน็อกให้บุตรหลาน เมื่อนั่งซ้อนบนรถจักรยานยนต์ และจะเริ่มปรับอย่างจริงจังหลังจากนั้น หลังจากพบว่า ถึงแม้นักขับขี่จะสวมหมวกกันน็อกในอัตราส่วนที่น่าพอใจก็ตาม แต่เด็กที่นั่งซ้อนไปด้วยกลับมีอัตราที่ต่ำมาก
วันที่ 6-9 เม.ย.ตำรวจจราจรทั่วประเทศจะเริ่มเรียกตักเตือนผู้ขับขี่ที่ละเลยในเรื่องนี้ และตั้งแต่วันที่ 10 เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่จะเริ่มปรับผู้ที่ยังฝ่าฝืน สื่อของทางการรายงาน
ถึงแม้เวียดนาม จะประกาศใช้กฎหมายที่บัญญัตืให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนตร์ต้องสวมหวกกันน็อกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 ก็ตาม แต่ไม่ได้มีการระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับผู้ที่นั่งซ้อนท้ายที่อายุยังน้อยจนกระทั่งวันที่ 1 ม.ค.ปีนี้ ซึ่งเยาวชนเหล่านั้นอาจจะเป็นบุตรหลาน หรือบุคคลใดก็ตาม ล้วนเสี่ยงต่อการที่จะได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
กฎหมายใหม่นี้บังคับใช้กับรถจักรยานชนิดที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า กับประจุไฟจากหม้อแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนด้วย “ติอินออนไลน์” สำนักข่าวภาษาเวียดนามรายงาน
ผู้ปกครอง หรือบุคคลใดก็ตามที่โดนลงโทษปรับแล้วแต่ยังไม่เข็ดหลาบ จะถูกส่งตัวเข้ารับการศึกษาอบรมใหม่อย่างเป็นทางการ หากยังคงกระทำผิดกฎหมาย กลับมาประพฤติปฏิบัติอีก จะมีโทษถึงถูกยึดใบอนุญาตขับขี่
มูลนิธิ AIP (Asia Injury Prevention) หน่วยงานรณรงค์ความปลอดภัยด้านการจราจร ซึ่งมีสำนักงานในหลายประเทศทั่วภูมิภาคนี้ (AIP) ได้สำรวจใน 3 นครใหญ่เวียดนาม ได้แก่ กรุงฮานอย นครด่าหนัง กับนครโฮจิมินห์ ได้พบว่า อัตราการสวมหมวกกันน็อกในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา สูงอย่างน่าพอใจ แต่ในกลุ่มเด็กๆ นั้นน่าเป็นห่วง
สถิติของธนาคารโลก ชี้ว่า เมื่อปีที่แล้วในกรุงฮานอย กลุ่มผู้ขับขี่ที่เป็นผู้ใหญ่สวมหมวกกันน็อกกว่า 94% ส่วนเด็กมีอัตราเพียง 23.5% เท่านั้น ส่วนรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามชี้ว่า ในแต่ละปีในเมืองหลวงมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจราจรตั้งแต่ 1,800-1,9000 ราย คิดเป็น 20% ของการเสียชีวิตทั้งหมด.
.