เอเอฟพี - กองทัพทหารพม่าเปิดเผยวันนี้ (21) ว่า ในการต่อสู้กับกลุ่มกบฏในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 130 คน และประกาศว่าจะไม่ยอมหยุดพักจนกว่าความมั่นคงจะกลับคืนสู่พื้นที่ชายแดนที่ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย
การต่อสู้รุนแรงในเขตโกกัง ของรัฐชาน ที่ความขัดแย้งปะทุขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. เมื่อผู้ก่อความไม่สงบโจมตีทหารจนทำให้ฝ่ายทหารต้องโจมตีกลับ และส่งผลให้พลเรือนอย่างน้อย 30,000 คน ต้องหนีความรุนแรงข้ามแดนไปยังฝั่งจีน
ในการแถลงข่าวครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการปะทะ พล.ท.เมียะ ทุน อู (Mya Tun Oo) โฆษกกระทรวงกลาโหมพม่า กล่าวว่า ความขัดแย้งทำให้ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 61 นาย ขณะที่ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิตประมาณ 72 คน
โฆษกกระทรวงกลาโหมพม่ายังกล่าวต่อผู้สื่อข่าวในกรุงเนปีดอ ว่า กองทัพจะไม่ถอยจนกว่าจะได้ความมั่นคงกลับคืน
แต่อย่างไรก็ตาม พล.ท.เมียะ ทุน อู ไม่ได้ให้ตัวเลขพลเรือนที่เสียชีวิตทั้งในเมือง และรอบเมืองลอกกาย อันเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้ง ขณะที่ความพยายามที่จะอพยพชุมชนต่างๆ ยังถูกขัดขวางจากเหตุโจมตีขบวนรถสภากาชาดท้องถิ่นเมื่อวันอังคาร ที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน
โฆษกกระทรวงกลาโหมยังกล่าวโทษว่า ฝ่ายกบฏเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี และทหารทำหน้าที่เพียงแค่คุ้มครองขบวนรถพลเรือนเท่านั้น
ด้านกบฏโกกังเชื้อชาติจีน หรือกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (MNDAA) ได้ปฏิเสธว่าเป็นผู้โจมตีขบวนรถ
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ซึ่งเป็นเหตุไม่สงบครั้งแรกในพื้นที่นับตั้งแต่ปี 2552 ทำให้เกิดข้อกังขาต่อความพยายามของรัฐบาลที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ
รัฐบาลกึ่งพลเรือนของพม่ายกให้ข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยต่างๆ เป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปประเทศ ในขณะที่ประเทศกำลังเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ แต่การต่อสู้ก่อให้เกิดความวิตกว่า ความพยายามต่างๆ จะไม่ประสบความสำเร็จ.