ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กองกำลังแห่งภาคพื้นอินโดเอเชียแปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ส่งเรือพิฆาตติดจรวดนำวิถีลำหนึ่งมาเยือนไทยสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นเรือรบลำแรก และเป็นเรือลำแรกของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่มาแวะเยือน หลังเหตุการณ์รัฐประหารในเดือน พ.ค.2557 ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เคยแสดงความไม่พอใจ และมีการข่มขู่จะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อกดดันให้ทางการทหารของไทยจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นอีกครั้งหนึ่งโดยเร็ว
เรือพิฆาตแฮลซีย์ (USS Halsey, DDG 97) เข้าจอดที่แหลมฉบังในวันอังคาร 22 ธ.ค. ให้ลูกเรือได้ขึ้นฝั่งเพื่อพักผ่อน และทำกิจกรรมต่างๆ ลูกเรือหลายคนจะได้อยู่ร่วมกับครอบครัวที่จะเดินทางจากรัฐฮาวาย และแห่งอื่นๆ มาสมทบในประเทศไทย มีรายงานเรื่องนี้ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของกองทัพเรือที่ 7 สหรัฐฯ
“การเยือนครั้งนี้ได้ให้โอกาสแก่ลูกเรือแฮลซีย์ มีประสบการณ์เกี่ยวกับประชาคมไทย” น.ท.ลินดา ซีย์มัวร์ (Commander Linda Seymour) ผู้บังคับการเรือกล่าว
“เราสามารถเรียนรู้ พักผ่อน และชาร์จแบต (รีชาร์จ) ในขณะเดียวกัน เราก็ได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อการส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยในภูมิภาค” น.ท.ซีมัวร์กล่าว
ลูกเรือหลายรายที่ให้สัมภาษณ์ได้แสดงความตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสได้สัมผัสเรียนรู้วัฒนธรรมอันรุ่มรวยของไทย โดยการเยี่ยมเยือนโบราณสถาน รวมทั้งแหล่งพักผ่อนหย่อนใจต่างๆ ซึ่งหลายคนได้ลงชื่อเพื่อ
ไปเที่ยวชมสวนเสือ (ศรีราชา) เที่ยวชมแหล่งประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น และสถานที่พักผ่อนต่างๆ ตลอดหลายวันข้างหน้า รวมทั้งจะมีกิจกรรมบริการชุมชนอีกจำนวนหนึ่งด้วย
เรือแฮลซีย์ ซึ่งเป็นเรือชั้นอาร์ลีห์เบิร์ก (Arleigh Burke-Class) เป็นหนึ่งในบรรดาเรือพิฆาตติดจรวดโทมาฮอว์ก ชั้นอาร์ลีย์เบิร์ก จำนวนกว่า 60 ลำ ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ปัจจุบัน ขึ้นระวางประจำการในเดือน ก.ค.2548 เป็น “Flight 2A” ซึ่งก็คือ รุ่นปัจจุบันที่สุดของเรือชั้นอาร์ลีห์เบิร์ก จำนวนทั้งหมด 27 ลำ (DDG 85 - DDG 112) เข้าประจำการที่ฐานทัพเรืออ่าวเพิร์ล ในรัฐฮวาย ตั้งแต่เดือน ก.พ.2556 ปัจจุบันอยู่ระหว่างออกปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัย และเสถียรภาพในย่านอินโดเอเชียแปซิฟิก
ปลายปี 2555 เรือแฮลซีย์ ได้ถูกใช้เป็นโลเกชันในการถ่ายทำภาพยนตร์ซีรีส์ชุด The Last Ship ที่เข้าฉายช่อง TNT เมื่อต้นปีนี้
การเยือนของเรือแฮลซีย์ เป็นการยืนยันในทางปฏิบัติอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันเป็นปกติระหว่างสหรัฐฯ กับรัฐบาลทหารของไทย
อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย นางคริสตี เคนนี (Kristie Kenny) ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องหนึ่งเพียงไม่นาน หลังดำรงตำแหน่งจนครบวาระ ยืนยันว่าไม่เคยมีการลดระดับความสัมพันธํ์ระหว่างสหรัฐฯ แต่เมื่อกองทัพเข้ายึดอำนาจในการรัฐประหารที่ปราศจากการนองเลือดวันที่ 22 พ.ค. กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความไม่พอใจและออกแถลงการณ์ประณาม และต่อต้าน
ต่อมาอีกไม่นานก็มีข่าวเล่าลือเกี่ยวกับสหรัฐฯ จะลดระดับความสัมพันธ์ร่วมมือด้านกลาโหมกับกองทัพไทย ซึ่งอาจจะถึงขั้นยกเลิกการฝึกคอบราโกลด์กับไทยต้นปีหน้า รวมทั้งชะลอ หรือยกเลิกโครงการความร่วมมือต่างๆ ระหว่างกองทัพสองประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา องค์การความร่วมมือความมั่นคงปลอดภัยด้านกลาโหม (Defense Security Cooperation Agency) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้รายงานต่อรัฐสภา แสดงเจตจำนง จะขายเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ UH-72A “ลาโคตา” (Lakota) ให้แก่กองทัพไทยถึง 9 ลำ รวมมูลค่า 89 ล้านดอลลาร์.
.