xs
xsm
sm
md
lg

“ปู่เต่า” ฮานอยโผล่เกยตลิ่ง พูดกันแซดคงเบื่อๆ บึงใหญ่ใจกลางเมืองหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วิดิโอคลิปโดย เหงือยเดือนติน (Nguoi Dua Tin) หนังสือพิมพ์ออนไลน์ภาษาเวียดนาม..



ASTVผู้จัดการออนไลน์ - “ปู่เต่า” สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำคู่ตำนาน 1,000 ปี การก่อตั้งกรุงฮานอย ได้โผล่ให้เห็นอีกครั้งหนึ่งในวันพุธ 3 ธ.ค.นี้ ในบึงฮว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem) บึงน้ำใหญ่ในย่านเมืองเก่า คลิปที่มีผู้ผ่านไปเห็นเหตุการณ์ถ่ายอาไว้ และนำขึ้นเว็บ ได้แพร่สะพัดออกอย่าวกว้างขวางในโลกออนไลน์ เพียงข้ามวันเท่านั้น มีชาวเวียดนามหลายพันคนเข้าชมพร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา


ถึงแม้ว่าบึงน้ำแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่โตมากมาย หากเทียบกับทะเลสาบโห่เตย หรือ “ทะเลสาบตะวันตก” ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง แต่ก็ไม่บ่อยที่จะได้เห็นปู่เต่าโผล่ขึ้นจากน้ำ และทุกครั้งที่เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ ก็จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ทั้งในแง่ที่เป็นมงคล และเป็นลางร้าย รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินด้วย

ผู้อ่านของเวียดนามเอ็กซ์เพรส สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียนดนามยอดนิยมจำนวนมากพากันแสดงความเห็นต่อปรากฏการณ์ครั้งนี้ หลายคนบอกว่า เป็นบุญตามี่ได้เห็น “เต่าพันปี” อีกครั้งหนึ่ง แฟนฟุตบอลบางคนได้โยงไปเข้ากับการแข่งขันฟุตบอลซูซูกิเอฟเอคัพ ที่กำลังดำเนินอยู่ในกรุงฮานอยขณะนี้ ระบุว่า ปู่เต่าโผล่ขึ้นมาเตือนทีมชาติเวียดนาม ให้ตั้งใจเล่น และทวงแชมป์กลับคืนมาอีกหน

ส่วนนักวิทยาศาสตร์ก็มีอีกมุมมองหนึ่ง ผู้ที่ศึกษาเรื่องนี้กล่าวว่า ทุกครั้งที่ “ปู่เต่า” โผล่ขึ้นจากน้ำให้เห็น มักจะเป็นการส่งสัญญาณเกี่ยวกับสภาพน้ำในบึง ที่อาจจะมีมลพิษในระดับสูง ครั้งนี้ปู่เต่าเลือกที่จะขึ้นนอนบนตลิ่งแบบครึ่งท่อน ทางด้านถนนดีงเตียนหว่าง (Dinh Tien Haong) หรือ ด้านที่ทำการไปรษณีย์กลางกรุงฮานอย กับพระบรมราชานุสาวรีย์พระจักรพรรดิหลีถายโต๋ (Ly Thai To) เพื่อจะได้อาบแดดนั่นเอง

หลายคนลงความเห็นเชิงวิเคราะห์ว่า ปู่เต่าพยายามปีนขึ้นไปนอนบนตลิ่งที่ทางการได้ราดปูนเอาไว้ แสดงอากัปกิริยาเหนื่อยหน่าย ซึ่งเป็นไปได้ว่าอยากจะหนีไปจากบึงน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เต็มที่แล้ว หลังอยูมานานข้ามศตวรรษ แต่หลายคนเห็นแย้งว่า กรุงฮานอย กำลังเปลี่ยนฤดู น้ำที่ก้นบึงเริ่มเย็นลง ปู่เต่าคงต้องการเพียงแค่ได้ขึ้นไปอาบแดดให้กายอบอุ่นเท่านั้น

เวียดนามเอ็กซ์เพรส กล่าวว่า ครั้งนี้ปู่เต่าได้ปรากฏตัวให้ผู้ผ่านไปมาได้เห็นเป็นเวลาประมาณ 20 นาทีเลยทีเดียว แต่ก็ขึ้นนอนผึ่งบนบกเพียงประมาณ 2 นาที กลับลงน้ำไปดำผุดดำว่ายในบริเวณดังกล่าวอีกราว 2 นาที ก่อนจะมุดหายไป
.
<bR><FONT color=#000033>กลับไปดูหน้าตาของย่า .. อ้อ.. ปู่เต่ากันเต็มๆ อีกสักครั้ง นี่เป็นภาพจากเหตุการณ์เมื่อเดือน เม.ย.2554 หรือ กว่า 3 ปีก่อนหน้านี้ ท่านปู่ไม่ค่อยจะโผล่ขึ้นมาให้ใครได้เห็นบ่อยครั้งนัก การปรากฏตัวแต่ละครั้งจึงมีเสียงโจษจันติดตามมาเสมอๆ รวมทั้งในตอนบ่ายวันพุธ 3 ธ.ค.นี้ด้วย. </b>
.
เมื่อปี 2553 สุขภาพของปู่เต่าย่ำแย่หนัก เนื่องจากเกิดมลภาวะในบึงน้ำ รวมทั้งอาหารพวกปลาเล็กๆ ก็ร่อยหรอลง เดือน เม.ย. 2554 ทางการต้อง ระดมสรรพกำลังจับปู่เต่า อย่างยากเย็นเพื่อเยียวยารักษาโรค ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ชาวฮานอย เช่นเดียวกันกับชาวเวียดนามทั้งประเทศ ได้เห็นปู่เต่ากันชัดๆ

การตรวจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้พบว่า ปู่ป่วยด้วยสารพัดโรค ขาทั้ง 4 ขาติดเชื้อจนพุพอง ปู่ถูกกักบริเวณเป็นเวลาหลายเดือนจนหายสนิท นอกจากนั้นทางการยังลงทุนให้บริษัทเชี่ยวชาญเรื่องน้ำจากเยอรมนีแห่งหนึ่ง ไปขุดลอกบึงที่ตื้นเขิน ให้มีความลึกเช่นเมื่อก่อน และจัดตั้งบำบัดน้ำเสียภายในสระคืนดาบแห่งนี้อีกด้วย

ความจริงแล้วสัตว์ในตำนานของชาวเวียดนามนี้ มิใช่ "เต่า" หากเป็น ตะพาบน้ำพันธุ์หายากชนิดหนึ่งที่ใกล้สูญพันธุ์เต็มที นอกจากนั้นก็ยังเป็นเพศเมีย ซึ่ง เป็น "ย่า" มิใช่ "ปู่" ถึงกระนั้นชาวเวียดนามก็ยัง พร้อมใจกันเรียกขานว่า "ปู่เต่า" หรือ "กุ-หรั่ว" (Cu Rua) ต่อไป

ไม่มีผู้ใดทราบชัดว่า ปัจจุบัน "ปู่เต่า" อายุกี่ปีแล้ว และ อยู่ในบึง หรือสระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มานานเท่าไรแล้ว นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เต่าพันธุ์นี้น่าจะอยู่ที่นั่นมาสัก 600 ปีเป็นอย่างน้อย และเนื่องจากเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง ชาวกรุงก็จึงถูกเรียกขานว่า "ปู่เต่า" มาตลอด.
กำลังโหลดความคิดเห็น