xs
xsm
sm
md
lg

จีนโอ่เรดาร์รุ่นใหม่ตรวจจับ “แร็พเตอร์” ได้ไกลถึงเกาหลี .. หรืองานนี้จะมีหนาว?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#00003>เรดาร์ JY-26 นี่เรือคืออุปกรณ์ใหม่ เทคโนโลยีสุดล้ำสำหรับพิฆาต F-22 แร็พเตอร์ (Raptor) เครื่องบินรบทันสมัยที่สุดในโลกปัจจุบัน? สื่อของทางการจีนออกรายงานเรื่องนี้ก่อนหน้าจะมีงานแสดงอากาศยานที่เมืองจูไห่ มณฑลก่วงตง เพียงไม่กี่วัน ระบุว่าตรวงจับได้ไกลถึง 500 กิโลเมตร แร็พเตอร์ของสหรัฐเคยตกเป็นเป้าขณะบินอยู่ในเกาหลี ต่อมา JY-26 ถูกนำออกแสดงในงานจูไห่ พร้อมเรดาร์อื่นๆ อีก 4 รุ่น ถึงแม้จะยังไม่มีการพิสูจน์ราคาคุยนี้ แต่สำนักข่าวกลาโหมหลายแห่ง ก็ยังคงเกาะติดเรดาร์จีนอย่างใกล้ชิด. </b>


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - จีนได้เผยโฉมเรดาร์รุ่นใหม่ที่บริษัทผู้ผลิตกล่าวว่า สามารถตรวจจับอากาศยานที่หลบเลี่ยงการตรวจจับด้วยเราดาร์ตรวจไกลทั่วไปได้ เรดาร์แบบใหม่ถูกนำออกแสดงในงานจูไห่แอร์โชว์ มลฑลก่วงตง ที่เพิ่งจะสิ้นสุดลงสุดสัปดาห์ก่อน โดยมีคนทั่วไปรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มากนัก และในช่วงเดียวกันสื่อของทางการจีนได้รายงาน อ้างว่า เรดาร์ใหม่ตรวจจับเครื่องบินรบ F-22 “แร็พเตอร์” (Raptor) ของสหรัฐฯ ได้ ในขณะบินฝึกซ้อมทางทหารเหนือเกาหลีครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้

“แร็พเตอร์” เป็นเครื่องบินรบยุคที่ 5 รุ่นแรกของโลกที่ถูกนำเข้าประจำการในกองทัพสหรัฐฯ ข่าวของสำนักจีนจึงสทำให้เกิดเสียงโจษจันกันกระหึ่มวงการข่าวกลาโหม เพราะถ้าหากเป็นความจริง ก็จะเป็น “การข้ามฝ่า” ทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญ และเทคโนโลยีสเตลธ์ (Stealth) ก็อาจจะต้องหาทาง “ข้ามฝ่า” เทคโนโลยีตรวจการณ์ไกลด้วยเรดาร์ หรืออาจจะล้มเลิกการผลิตเครื่องบินรบยุคที่ 5 ราคาแพง หรือตัดขีดความสามารถในเรื่องนี้ออกไปก็เป็นได้ทื้งสิ้น

ยังไม่มีสำนักใดสามารถตรวจสอบการกล่าวอ้างของสื่อจีนได้ในขณะนี้ เช่นเดียวกับข่าวอีกชิ้นหนึ่งเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ที่สื่อเวียดนามอ้างว่า เรดาร์รุ่นหนึ่งของกองทัพประชาชน ที่ซื้อจากประเทศเบลารุส สามารถตรวจจับ J-20 เครื่องบินรบล่องหนยุคที่ 5 ลำแรกของจีนได้

ถึงแม้ว่าจะไม่มีการตรวจสอบ และหลายฝ่ายลงความเห็นว่า “ไม่สามารถจะเชื่อถือได้” ก็ตาม แต่หากย้อนหลังกลับไปเมื่อเดือน มี.ค.2542 เรดาร์ที่ผลิตในเบลารุสรุ่นหนึ่ง ได้เคยสร้างชื่อเสียงเอาไว้ก้องโลก คือ สามารถตรวจจับ F-117 “เหยี่ยวราตรี” (Knight Hawk) ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในช่วงสงครามแคว้นโคโซโว และถูกฝ่ายกบฏสอยจนร่วงด้วยจรวดแซมธรรมดาๆ ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดจากความผิดพลาดของนักบิน หรือเป็นความสามารถของเรดาร์ล้วนๆ ก็ตาม

เรดาร์แบบเฟสอาร์เรย์ (Phased-arrayed Radar) รุ่นใหม่ของจีนที่ใช้รหัส JY-26 ถูกนำออกแสดงในงานจูไห่ ที่ผ่านไปเมื่อวันอาทิตย์ก่อน พร้อมกับเรดาร์อีก 4 รุ่น คือ YLC-20, YLC-2X, YLC-8B และ JY-27A แต่คุณสมบัติโดดเด่นเฉพาะตัวของ JY-26 ก็คือ ออกแบบมาเพื่อตรวจจับระบบสเตลธ์ของเครื่องบินรบโดยเฉพาะ โดย “มีความแม่นยำสูง ติดตามจับเป้าหมาย (ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง) จำแนกเป้าหมาย และสามารถปฏิบัติการได้ในระยะไกล 500 กิโลเมตร” บริษัทผู้ผลิตระบุ

ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน สื่อของจีนกล่าวว่า เรดาร์ JY-26 ตรวจจับ F-22 “แร็พเตอร์” เครื่องบินรบก้าวหน้าที่สุดของสหรัฐฯ ในขณะนี้ได้ ขณะบินอยู่เหนือเกาหลี ในระหว่างการฝึกซ้อมทางทหารครั้งหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งนายสูกวนชุน (Su Guan-chun) บรรณาธิการนิตยสารดีเฟ้นซ์อินเตอร์เนชั่นแนล (Defence International) ในไต้หวันกล่าวว่า ระบบเราดาร์ใหม่จะช่วยให้จีนรับมือกับเทคโนโลยีสเตลธ์ที่กำลังแพร่หลายในประเทศต่างๆ ขณะนี้ได้

ยังไม่มีแหล่งข่าวอิสระแห่งใดสามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับ JY-26 หรือพิสูจน์ขีดความสามารถของมันได้ และยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากฝ่ายสหรัฐฯ หรือแม้กระทั่งญี่ปุ่น และเกาหลี ที่ต่างก็กำลังพัฒนาเครื่องบินรบยุคที่ 5 ของตัวเองอย่างเร่งรีบเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาดูเหตุการณ์ในแคว้นโคโซโวเมื่อ 15 ปีที่แล้ว จะพบว่ามีรายละเอียดที่ซับซ้อนเกินกว่าที่จะยกให้เป็นความสามารถของระบบเรดาร์เบลารุสล้วนๆ ได้ และที่สมควรจะต้องยกย่องเป็นอย่างสูงก็คือ ความรู้ความสามารถของหน่วยเรดาร์ กับหน่วยปืนใหญ่-จรวดต่อสู้อากาศยานของฝ่ายกบฏ กับเคราะห์หามยามร้ายของนักบิน F-117 เอง ถึงแม้ตัวเขาจะมีประสบการณ์รบมาอย่างโชกโชน ทั้งจากสงครามปานามา และสงครามในตะวันออกกลางเวลาต่อมาก็ตาม
.
<bR><FONT color=#000033>ชิ้นส่วนห้องนักบิน เก้าอี้นักบินที่ดีดออกไป หมวกนักบินกับอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ของนักบินที่ค้นพบในภายหลัง ถูกนำไปวางแสดงในพิพิธภัณธ์สงคราม กรุงเบลเกรด ประเทศยูโกสลาเวียมาจนปัจจุบัน นั่นคือประจักษ์พยานเหตุการณ์ ที่สเตลธ์ F-117A ของสหรัฐลำหนึ่งถูกยิงตกเมื่อวันที่ 27 มี.ค.2542 กลายเป็นสเตลธ์เคราะห์ร้ายลำแรกของโลก .. แล้วชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ หายไปไหนหมด? เล่าลือมาจนถึงวันนี้ว่า ส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในการครอบครองของจีน. -- ภาพ: En.Wikipedia.Org </b>
2
<bR><FONT color=#000033>หลังจากสอยสเตลธ์มะริกันได้สำเร็จ ฝ่ายเซอร์เบียยังทำโปสการ์ด ออกมาเยาะเย้ยอีกต่างหาก ข้อใหญ่ใจความก็คือ .. ขอโทษด้วย .. เราไม่ทราบว่ามันเป็นเครื่องบินล่องหน.  </b>
3
<bR><FONT color=#00003>เหยี่ยวราตรี ลำนี้ทดลองทิ้งระเบิดนำวิถีแบบ GBU-28 ใส่เป้าหมาย ระหว่างการฝึกซ้อมยิงด้วยอาวุธจริง ที่บริเวณฐานทัพอากาศฮิล ( Hill Air Force Base) มลรัฐยูทาห์ (Utah) วันที่ 10 ก.พ .2551 ถึงแม้สหรัฐจะปลดระวางประจำการ F-117 ทั้ง 64 ลำ อย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือน เม.ย.ปีนั้นก็ตาม แต่ก็ยังเก็บหลายลำไว้เป็นสำรอง และ ยังคงออกฝึกบินเป็นระยะๆ อย่างเป็นปรกติมาจนทุกวันนี้. -- ภาพ: En.Wikipedia.Org </b>
4
เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก นำไปสู่เหตุการณ์กระฉ่อนโลก ที่เครื่องบินสเตลธ์ถูกยิงตกเป็นลำแรกในโลก

เรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมาโดย “พลปืน” คนที่กดปุ่มยิง F-117 หมายเลข 82-0806 ซึ่งในเวลาต่อมาเมื่อปี 2550 เขาได้ให้สัมภาษณ์ไขความกระจ่างเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ทั้งหมด ทำให้เห็นว่า สิ่งที่ทำให้เขาผู้นี้ประสบความสำเร็จก็คือ ทีมของเขาตรวจเจอ F-117 ในระยะใกล้ และยิงในระยะเผาขน และยังยิงในขณะที่เครื่องบินกำลังบินผ่านในระยะต่ำมากอีกด้วย

เรดาร์ตรวจจับเครื่องบินสเตลธ์ของสหรัฐฯ ได้ในระยะ 40-50 กม. ด้วยเหตุบังเอิญ เมื่อนักบินเผลอเปิดช่องเก็บระเบิดใต้ท้องที่เรียกว่า “bomb bay” มาแต่ไกล ทำให้ความเป็นสเตลธ์ (Stealthiness) ของ F-117A ลำนี้หายไปในบัดดล เครื่องบินได้ปรากฏเป็นรูปเงาสัญลักษณ์ (Signature) บนจอเรดาร์ และในระยะแค่นั้นพวกเขามีเวลาไม่เกิน 17 วินาที เตรียมอุปกรณ์ในการรับมือ เพื่อมิให้ฐานจรวดกับฐานเรดาร์ของพวกเขาถูกฝ่ายนาโต้-สหรัฐฯ ล็อกเป็นเป้าโจมตี

ฐานเรดาร์ กับฐานจรวดจะเป็นแห่งแรกๆ เสมอๆ ที่ฝ่ายตรงข้ามจะออกค้นหาเพื่อโจมตีทำลาย ทันทีที่สงครามทางอากาศ หรือการโจมตีทิ้งระเบิดเริ่มขึ้น

ฝ่ายเซอร์เบีย ยิงจรวดออกไปหลายนัดเมื่อ F-117A อยู่ห่างออกไปราว 13 กม. แต่เครื่องสเตลธ์โดนเข้าเพียงนัดเดียว ในขณะที่บินโฉบลงต่ำ... “ต่ำจนพวกเราสั่นไหวไปหมด” จรวด S-125 ลูกหนึ่งสร้างความเสียหายให้หนักหนาสาหัส จนไม่สามารถควบคุมได้ นักบินดีดตัวเองออกได้อย่างปลอดภัย และตกลงหลังแนวข้าศึก เขาหลบซ่อนตัวอยู่ 1 คืน กองกำลังกู้ภัยช่วยเหลือของสหรัฐฯ กับนาโต้ติดตามตัวเขาจนพบ ฝ่าแนวป้องกันข้าศึกเข้าไปนำนักบินเคราะห์ร้ายกลับไปยังฐานทัพได้สำเร็จในเช้าวันรุ่งขึ้น

ในปี 2545 พ.อ.โซลตัน ดานี (Zoltan Dani) ซึ่งเป็นชาวเซอร์เบีย ผู้บังคับกองพลน้อยจรวดป้องกันทางอากาศ หน่วยที่ยิง F-117A ตก ให้สัมภาษณ์ว่า เรดาร์ในเวอร์ชันที่ยูโกสลาเวียผลิตขึ้นเองจากต้นแบบที่ผลิตในเบลารุสนั้น ผ่านการดัดแปลงมากพอสมควร เพื่อให้มีขีดความสามารถตรวจจับเครื่องบินรุ่นที่ก้าวหน้าได้

แต่หลังเหตุการณ์ในโคโซโว “เหยี่ยวราตรี” ยังคงออกปฏิบัติการต่อมาอีกหลายครั้ง ท้าทายทั้งเรดาร์ และจรวดต่อสู้อากาศยานของค่ายโซเวียตเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามอิรัก แต่ก็ไม่เคยมีลำไหนถูกยิง หรือมีข่าวว่าถูกเรดาร์ตรวจไกลของฝ่ายใดตรวจจับได้อีก จนกระทั่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ปลดระวางประจำการครบทั้ง 64 ลำ ในเดือน เม.ย.2551 คงเอาไว้จำนวนหนึ่งเป็นกองหนุน และยังคงบินขึ้นลงฝึกซ้อมอยู่เป็นระยะๆ เรื่อยมาจนถึงวันนี้
.

เวียดนามเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้ชื่อว่ามีกองกำลังป้องกันทางอากาศแข็งแกร่ง และระบบป้องกันทางอากาศสุดยอด ผ่านการพิสูจน์จากการยิง B-52 ร่วงมาแล้วกว่า 30 ลำ กองทัพประชาชนมีอุปกรณ์เครื่องมือทันสมัยมากมาย ทั้งที่เป็นมรดกตกทอดจากสหภาพโซเวียต อัปเกรดขึ้นใหม่ และซื้อใหม่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ รวมทั้งระบบเรดาร์อันเลื่องลือจากเบราลุสด้วย มีมากจนล้นมือเหลือใช้ ของเก่าบางรุ่นต้องเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ หรือทำลายทิ้ง เนื่องจากดูแลรักษา-ซ่อมบำรุงไม่ไหว จะนำไปอัปเกรดก็ไม่คุ้ม. -- เกี่ยวดึ๊ก (ข่าวการศึกษา) เหวียดนาม. .


5

6

7
แร็พเตอร์-เหยื่อรายต่อไป? US Navy Photo/Released
<bR><FONT color=#00003>F-22 ลำหนึ่ง ในภาพวันที่ 21 ก.ย.2551 ระหว่างแอร์โชว์ในโอกาสครบรอบปีที่ 50 ของฐานทัพสถานีทหารเรือ เวอร์จิเนียบีช รัฐเวอร์จิเนีย นักบินแสดงให้ฝูงชนได้ดูว่า แร็พเตอร์ยังคง สเตลธ์ อยู่ตลอดเวลา แม้ในขณะบรรทุกอาวุธจรวด-ระเบิด ด้วยการหมุนสลับข้างของช่องเก็บ (Bomb bay) ที่อยู่ใต้ท้องลำ และ ถ้าหากเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนของ F-117A เคราะห์ร้ายลำหนึ่งเมื่อ 15 ปีก่อนวันนี้ปัญหาไม่มีอีกแล้ว. --  US Navy Photo/Mass Communication Specialist 1st Class Edward I Fagg. </b>
8
<bR><FONT color=#000033>แร็พเตอร์ของกองทัพอากาศสหรัฐ ทำ ซูเปอร์โซนิกบูม ขณะบินเหนือเรือบรรทุกเครื่องบิน จอห์น ซี เตนนิส (USS John C Stennis, CVN 74) ในบริเวณอ่าวอะแลสก้าระหว่างการฝึกซ้อม วันที่ 22 มิ.ย.2552 สหรัฐแสดงให้เห็นว่านี่คือ เครื่องบินรบก้าวหน้าที่สุดในโลกปัจจุบัน และ ในช่วง 2 สัปดาห์มานี้ ยังไม่มีผู้ใดออกมาแสดงความเห็นต่อข่าวของสื่อจีน ที่ว่างเรดาร์รุ่นใหม่สามารถตรวจจับแร็พเตอร์ได้ไกลถึงเกาหลี. -- US Navy Photo/Sonar Technician 1st Class Ronald Dejarnett. </b>
9
<bR><FONT color=#000033>แร็พเตอร์ของกองทัพอากาศสหรัฐ ทำ ซูเปอร์โซนิกบูม ขณะบินเหนือเรือบรรทุกเครื่องบิน จอห์น ซี เตนนิส (USS John C Stennis, CVN 74) ในบริเวณอ่าวอะแลสก้าระหว่างการฝึกซ้อม วันที่ 22 มิ.ย.2552 สหรัฐแสดงให้เห็นว่านี่คือ เครื่องบินรบก้าวหน้าที่สุดในโลกปัจจุบัน และ ในช่วง 2 สัปดาห์มานี้ ยังไม่มีผู้ใดออกมาแสดงความเห็นต่อข่าวของสื่อจีน ที่ว่างเรดาร์รุ่นใหม่สามารถตรวจจับแร็พเตอร์ได้ไกลถึงเกาหลี. -- US Navy Photo/Sonar Technician 1st Class Ronald Dejarnett. </b>
10
<bR><FONT color=#000033>จากยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 มาสู่ยุคที่ 5 .. เอฟ-22 แร็พเตอร์ กับ พี-51 มัสแตง (P-51 Mustang) ร่วมกันบินโชว์ ครบรอบ 50 ปีฐานทัพอากาศสถานีทหารเรือเวอร์จิเนียบีช รัฐเวอร์จิเนียน วันที่ 21 ก.ย.2551 สหรัฐพัฒนาอากาศยานต่างๆ มาเป็นเวลายาวนานกว่าศตวรรษ หรือ ว่าวันนี้เครื่องบินรบยุคที่ 5 จะต้องพับฐานไป เพราะพ่ายแพ้แก่เรดาร์ราคาถูกๆ? --  US Navy Photo/Mass Communication Specialist 1st Class Edward I Fagg. </b>
11
<bR><FONT color=#00003>F-22 เครื่องบินรบยุคที่ 5 ไม่ใช่สิ่งไกลตัว แร็พเตอร์ของกองทัพอากาศสหรัฐนภาพนี้ บินเกาะกลุ่มกับ FA-18C ฮอร์เน็ต กับ F-15C อีกลำ ขณะผ่านเรือบรรทุกเครื่องบินโรนัลด์ เรแกน (USS Ronald Reagan, CVN 76) ในทะเลฟิลิปปินส์ วันที่ 16 มี.ค.2550 แร็พเตอร์ กับ F-15C ไปจากฐานทัพอากาศโอกินาวา เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี ในย่านแปซิฟิกตะวันตก. -- US Navy Photo/Lt Cmdr Eric Tidwell. </b>
12
.

กลับมาสู่โลกปัจจุบัน ..

F-22 แร็พเตอร์ ไม่ได้มีช่องโหว่แบบ F-117 และเรียนรู้ข้ออ่อนด้อยของเทคโนโลยีสเตลธ์จาก F-117 ซึ่งรีบปลดประจำการออกไป ก็ด้วยสาเหตุใหญ่ เพื่อเปิดทางให้แร็พเตอร์นั่นเอง กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้สาธิตให้โลกภายนอกได้เห็นเป็นประจักษ์มาหลายต่อหลายครั้งว่า ไม่ว่าฝ่ายไหนจะคุยคำโตว่าอย่างไร เจ้ากิ้งก่ายักษ์ 65 ล้านปีสายพันธุ์นี้ ก็ยังเป็นเครื่องบินรบยุคที่ 5 ที่พัฒนาล้ำหน้ามากที่สุดของโลก bomb bay ของแร็พเตอร์ ไม่ได้โหว่แบบ F-117 แต่จะหมุนสลับข้างกันทันทีที่ปลดระเบิดออก จึงไม่ทำให้ปรากฏสัญลักษณ์บนจอเรดาร์อีก

แต่ในขณะเดียวกัน เรดาร์ JY-26 ของจีน (หากเป็นเรื่องจริง) ก็ไม่ได้ผ่านการโมดิฟายใดๆ แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่อาจจะใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งโลกตะวันตกไม่เคยเข้าถึงมาก่อน ถึงแม้เครื่องบินรบยุคที่ 5 ของจีนทั้ง 2 รุ่น จะยังไม่เคยผ่านการใช้งานจริงพิสูจน์มาก่อน และยังใช้เครื่องยนต์ไอพ่นรุ่นเก่าเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้วอยู่ก็ตาม

เมื่อสงครามโคโซโวสิ้นสุดลง ซากชิ้นส่วนห้องนักบิน F-117A เคราะห์ร้ายลำนั้น ถูกนำไปวางแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์สงครามแห่งกรุงเบลเกรด ประเทศยูโกสลาเวีย มาจนถึงปัจจุบัน แต่ซากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กับระบบควบคุมต่างๆ และซาก “บอดี้” อีกจำนวนหนึ่ง มีข่าวเล่าลือกระหึ่มวงการตลอดมาว่า จีนได้ขอซื้อไปจากฝ่ายกบฏ ถึงแม้สถานทูตจีนจะเคยออกแถลงปฏิเสธเรื่องนี้ก็ตาม .. เพราะฉะนั้นอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ สื่อกลาโหมหลายสำนักยังคงเกาะติดความเคลื่อนไหวเรื่องเรดาร์ที่ก้าวหน้า ทั้งในจีน และในเวียดนามต่อไปอย่างใกล้ชิด.
สื่อจีนเองก็เริ่มสงสัยมันเป็นสเตลธ์แบบไหน? J-31 ปล่อยควันดำโขมง
สื่อจีนเองก็เริ่มสงสัยมันเป็นสเตลธ์แบบไหน? J-31 ปล่อยควันดำโขมง
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- งานแสดงอากาศยานเมืองจู่ไห่ประจำปี 2557 เพิ่งจะผ่านไปแบบอลังการณ์งานสร้าง เพราะปีนี้มีการระดมอากาศยานกับอาวุธยุทโธปกรณ์ชั้นเยี่ยม ไปร่วมมากมาย รวมทั้งหลายรายการที่เปิดตัวเป็นครั้งแรก แต่การปรากฏตัวของ J-31 สเตลธ์ เครื่องบินรบล่องหนยุคที่ 5 ของประเทศเจ้าภาพเอง ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญ กลับดูไม่น่าประทับใจเท่าไรนัก แม้กระทั่งในบรรดาสื่อออนไลน์ชั้นนำของจีนเอง ที่ตั้งคำถามว่า J-31 เป็นสเตลธ์พันธุ์ไหน เพราะเครื่องยนต์ปล่อยควันดำออกมาโขมงทุกครั้งเร่งเครื่อง หรือ บินผาดแผลง ราวกับ เครื่องยนต์หลวม หรือ เครื่องยนต์เก่าจนเริ่มมีปัญหาการเผาผลาญเชื้อเพลิง
กำลังโหลดความคิดเห็น