เอเอฟพี - อองซานซูจี หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านของพม่า จะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเดือนหน้า ตามการเปิดเผยของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD)
เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่วางแผนจะนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งในปีหน้าที่ถูกมองว่าเป็นบททดสอบการเปลี่ยนไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยของพม่า จะเดินทางไปเยือนจีนภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าตามการเปิดเผยของพรรค
“เป็นเรื่องจริงว่าเกี่ยวกับแผนเดินทางเยือนจีนในเดือน ธ.ค.” เจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรค NLD กล่าว แต่ยังไม่แน่ชัดว่า ซูจี จะพบกับบุคคลใดบ้าง
อองซานซูจี ที่ประกาศว่าประสงค์จะเป็นประธานาธิบดีหากรัฐธรรมนูญที่ห้ามเธอจากการทำหน้าผู้นำประเทศได้รับการแก้ไข ได้กล่าวชี้แนะก่อนหน้านี้ว่า ความสัมพันธ์กับปักกิ่งนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพม่า
จีนเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในพม่า และเป็นพันธมิตรสำคัญของอดีตนายพลที่ปกครองประเทศเมื่อพม่าถูกโดดเดี่ยวภายใต้การปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหาร แต่ดูเหมือนว่า อิทธิพลของจีนจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อพม่าปฏิรูปประเทศ และกลายเป็นจุดสนใจจากทั่วโลก
การเปลี่ยนแปลงที่รวมทั้งการอนุญาตให้อองซานซูจี และพรรคของนางเข้าสู่รัฐสภา และปล่อยนักโทษการเมืองเป็นอิสระ ทำให้ชาติตะวันตกคลายมาตรการคว่ำบาตร และก่อให้เกิดคลื่นนักลงทุนต่างชาติมุ่งหน้าไปยังพม่า
แต่หลายโครงการที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของพม่าเพื่อส่งออกไปจีนได้จุดกระแสความไม่พอใจหลังพม่าเปิดประเทศ และประธานาธิบดีเต็งเส่ง ได้ระงับโครงการเขื่อนยักษ์ที่จีนสนับสนุนในเดือน ก.ย.2554 หลังประชาชนแสดงความไม่พอใจในโครงการนี้
ส่วนอองซานซูจี ถูกวิพากษ์วิจารณ์หลังกล่าวปกป้องโครงการเหมืองทองแดงของจีนในเดือน มี.ค.2556 ที่เรียกร้องให้คนท้องถิ่นยุติการประท้วงเรียกร้องปิดเหมือง โดยระบุว่า อาจกระทบประชาชน และเศรษฐกิจชาติ
“เราต้องก้าวไปพร้อมกันกับประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม” ซูจี กล่าวต่อชาวบ้านที่เหมืองทองแดง
แต่นักการเมืองวัย 69 ปี ผู้นี้ยังสุ่มเสี่ยงที่จะกระตุ้นความไม่พอใจจากจีนเมื่อเธอพบกับ ทะไลลามะ นอกรอบการประชุมสิทธิมนุษยชนที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก เมื่อเดือน ก.ย.2556.