xs
xsm
sm
md
lg

สำหรับผู้ที่ชอบความโอ่อ่า มีวิลลาเก่าแก่หลังหนึ่งในโฮจิมินห์ ขายลดราคาเหลือ $35 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>วิลล่าหลังนี้บ้านเลขที่ 60 ถนนหวอวันเติ่น (Võ Văn Tần) ในย่านเดียวกันกับหลังที่ประกาศขาย ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ย่านนี้ทั้งย่านในเขตอำเภอที่ 3 ของนครโฮจิมินห์ปัจจุบัน เคยเป็นแหล่งพักอาศัยของเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสมาก่อน. -- ภาพ: historicvietnam.com </b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - บ้านหลังใหญ่แบบวิลลาฝรั่งเศสหลังหนึ่งในนครโฮจิมินห์ ติดประกาศขายราคา 35 ล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์นี้ ถึงแม้ว่าจะอยู่มายาวนานกว่า 100 ปีแล้วก็ตาม บ้านหลังใหญ่นี้ก็ยังอยู่ในสภาพดีทีเดียว และมีคนอยู่อาศัยตลอดมา เจ้าของปัจจุบันซึ่งเป็นคุณยายพี่น้อง 2 คน มีความประสงค์จะขาย โดยลดราคาลงจากเดิม 47 ล้าน เหลือ 35 ล้านดอลลาร์เท่านั้น

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เหงือยลาวโดง หรือ “คนงาน” ซึ่งตีพิมพ์ในโฮจิมินห์ บ้านหรูที่มีพื้นที่ใช้สอยรวม 2,800 ตารางเมตร ตั้งอยู่เลขที่ 110-112 ถนนหวอวันเติ่น (Vo Van Tan) ในเขตอำเภอที่ 3 นับเป็นทำเลทอง เนื่องจากอยู่ในตัวเมือง หันหน้าออกสู่ถนนถึง 3 สายด้วยกัน

ตามประวัติของวิลลาหลังนี้ เจ้าของเดิมเป็นชาวฝรั่งเศส ก่อสร้างในต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นยุคอาณานิคม โดยนำเข้าวัสดุสำคัญทั้งหมดจากฝรั่งเศส กับอีกหลายประเทศในยุโรป ใช้ช่างฝีมือดีทั้งชาวฝรั่งเศส และชาวไซ่ง่อนเมื่อก่อนจำนวนหลายสิบคน ใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 1 ปีจึงแล้วเสร็จ เจ้าของปัจจุบันคือ นางดั่งกิมจี (Dang Kim Chi) กับนางดั่ง งเวียน กิม ชา (Dang Nguyen Kin Sa) ปัจจุบันอายุ 70 ปลาย คุณยาย 2 คนอาศัยอยู่ในวิลลาเก่าแก่หลังนี้มาตลอด ซึ่งเหงือยลาวโดง กล่าวว่า ข้างในประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าแก่จำนวนนับร้อยชิ้น คิดเป็นมูลค่ามหาศาลตามอายุขัย

อย่างไรก็ตาม คุณยายทั้ง 2 คนมีความเป็นกังวลว่า ผู้ที่ซื้อไปอาจจะรื้อทิ้ง และสร้างสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่ขึ้นมาแทนที่ และ “บ้านฝรั่งเศส” ตามที่เพื่อนบ้านเรียกขานก็จะหายไป กรุงเก่าไซ่ง่อนก็จะสูญเสียสิ่งปลูกสร้าง และสถาปัตยกรรมที่ดำรงอยู่ควบคู่กับประวัติศาสตร์ของประเทศ และนับวันหาได้ยากแบบบ้านหลังนี้ไปอีกแห่งด้วย

หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันนี้ยังอ้างความเห็นของนักค้าอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่ง ที่ระบุว่า ราคา 35 ล้านดอลลาร์นั้น “สมน้ำสมเนื้อ” หากเทียบกับทำเลทองที่ตั้ง ผู้ลงทุนสามารถคุ้มทุนได้ไม่ยากถ้าหากก่อสร้างเป็นศูนย์การค้า หรืออาคารสำนักงาน -- แต่ก็เป็นแนวคิดที่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของฝ่ายที่ต้องการจะขาย

ถึงแม้ว่ากรุงเก่าไซ่ง่อน จะถูกรวมเข้าเป็นประเทศเวียดนามเดียวกันคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือมาเกือบจะ 40 ปีแล้วก็ตาม รัฐบาลก็มิได้ยึดคืน หรือริบเอาทรัพย์สินของประชาชนให้ตกเป็นของรัฐ นอกจากนั้น ปัจจุบันยังมีอาคารสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่เคยเป็นสำนักงานของทางการเมื่อก่อน หลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก อาคารเก่า และบ้านเก่าที่เป็นของเอกชนก็ถูกขายเปลี่ยนมือไปมากเช่นกัน หลายแห่งถูกทุบลำลายลง และก่อสร้างเป็นอาคารสมัยใหม่ขึ้นมาแทน

อาคารเก่าแบบวิลลาฝรั่งเศสยังมีอีกจำนวนมากในเมืองด่าลัต (Dalat) เมืองตากอากาศที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นมาใน จ.เลิมโดง (Lam Dong) ในเขตที่ราบสูงภาคกลาง ปัจจุบันส่วนใหญ่ได้กลายเป็นโรงแรมหรู และขายในราคาแพงไม่ต่างกัน.
กำลังโหลดความคิดเห็น