[แก้ไขและเพิ่มเติมเนื้อหาจำนวนหนึ่งเวลา 12.30 น. 22 มิ.ย.2557]
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ผู้โดยสารราว 200 คน ขึ้นเครื่องของสายการบินเวียดเจ็ตแอร์ตามปกติจากท่าอากาศยานโนยบ่าย (Noi Bai) กรุงฮานอย เพื่อไปยังเมืองด่าลัต (Dalat) จ.เลิมโด่ง (Lam Dong) ในเขตที่ราบสูงภาคกลาง แต่อีกราว 2 ชั่วโมงถัดมา กลับปรากฏว่า แอร์บัส A320 เที่ยวบินดังกล่าวกลับพาพวกเขาไปลงที่สนามบินกามแรง-ญาจาง (Cam Ranh-Nha Trang) ทางภาคกลางตอนล่างของประเทศ องค์การบริหารการบินฯ เวียดนามได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนหาสาเหตุความผิดพลาดครั้งนี้
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เหงือยลาวโดง (Nguoi Lao Dong) หรือ “คนงาน” เหตุเกิดในตอนบ่ายวันพฤหัสบดี 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา เที่ยวบิน VJ8861 บินขึ้นจากกรุงฮานอย เมื่อเวลา 17.10 น. และลงจอดที่สนามบินกามแรง-ญาจาง ได้ไม่นานได้ขึ้นบินอีกครั้งนำเกือบ 200 ชีวิตไปยังด่าลัต แต่ในขณะเดียวกัน ผู้โดยสารอีกราว 200 คน ที่ซื้อตั๋วจะเดินทางไปยังเมืองญาจาง กับอีกเที่ยวบินหนึ่งคือ VJ8575 ก็ยังนั่งอยู่ในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานนานาชาติกรุงฮานอยต่อไป ทั้งๆที่เลยกำหนดเวลาไปแล้ว สายการบินเวียดเจ็ตแอร์กับการท่าอากาศยานภาคเหนือได้ร่วมกันหาทางนำผู้โดยสารกลุ่มหลังเดินทางไปยังสนามบินกามแรง-ญาจาง ได้ในค่ำวันเดียวกัน เหงือยลาวโดงกล่าว
ในเบื้องต้นสันนิษฐานกันว่า ความผิดพลาดนี้อาจจะเกิดขึ้นจากความสับสนเกี่ยวกับการจัดแผนการบิน เนื่องจากเวลาที่ทั้ง 2 เที่ยวบินคือ VJ8861 ไปยังด่าลัตกับ VJ8575 ไปยังกามแรง มีกำหนดออกเดินทางในเวลาไล่เลี่ยกัน และจำนวนผู้โดยสารใกล้เคียงกัน แต่ปัญหามีมากกว่านั้น องค์การบริหารการบินพลเรือนเวียดนามได้สั่งให้เวียดเจ็ตแอร์ตรวจสอบไฟลต์แพลนทั้งหมด
สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรสรายงานเหตุการณ์นี้ในวันเดียวกัน อ้างคำแถลงของบริษัทสายการบินแห่งนี้ที่ระบุว่า เที่ยวบินฮานอย-ด่าลัต ต้องเปลี่ยนแผนการหลังจากนักบินได้พิจารณาสถานการณ์เกี่ยวกับลมฟ้าอากาศที่สนามบินเลียนเคือง (Lien Khuong) เมืองด่าลัต ที่เกิดลมแรงและอากาศแปรปรวน จึงได้ขออนุญาตไปลงจอดสนามบินกามแรง รอจนกระทั่งสภาพอากาศเอื้ออำนวยจึงบินต่อไปยังปลายทางสุดท้าย
“นับเป็นสถานการณ์เฉพาะหน้าในอุตสาหกรรมการบินซึ่งเกิดขึ้นกับสายการบินในประเทศทั่วโลก บางครั้งเครื่องบินต้องบินกลับไปลงจอดที่ต้นทางหลังบินขึ้นได้ไม่นาน หรือไม่ก็ไปลงยังสนามบินใกล้เคียงกับปลายทางเพื่อรอให้สภาพอากาศดีขึ้นก่อนจะเดินทางต่อไป” เวียดนามเอ็กซ์เพรสอ้างคำชี้แจงของเวียดเจ็ตแอร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋รายงานในเว็บไซต์วันเสาร์ 21 มิ.ย.นี้ว่า เหตุการณ์ไม่ได้เป็นตามที่สายการบินแถลง หากเป็นความผิดพลาดเกี่ยวกับการสับเปลี่ยนเครื่องบิน โดยแอร์บัส A320 ลำดังกล่าว ซึ่งเป็นหมายเลข VN-A692จะต้องบินไปยังกามแรง แทนที่จะเป็นด่าลัตตามกำหนดการก่อนหน้านั้น และฝ่ายจัดทำแผนการบินไม่ได้สื่อสารกับนักบิน จึงนำเครื่องไปตามเส้นทางเดิม
“นักบินไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงไฟลต์แพลนดังกล่าว จึงนำเครื่องบินไปยังกามแรง ตามแผนการบินเดิม” แต่บรรทุกผู้โดยสารและสัมภาระที่จะไปยังด่าลัตกับเที่ยวบิน VJ8861 เตื่อยแจ๋รายงานในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนามอ้างนายโห่มีงเติ๋น (Ho Minh Tan) หัวหน้าฝ่ายมาตรฐานความปลอดภัยการบิน องค์การบริหารการบินพลเรือนเวียดนาม ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
อย่างไรก็ตาม ผู้โดยทั้งหมดที่ไปกับแอร์บัสหมายเลข VN-A692 เดินทางถึงปลายทางอันแท้จริงโดยปลอดภัยเมื่อเวลา 21.50 น. เตื่อยแจ๋กล่าว
.
.
เวียดเจ็ตแอร์กล่าวเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ว่ากำลังจะได้รับแอร์บัสใหม่อีก 3 ลำ เป็นหมายเลข VN-A690, VN-A691 รวมทั้งหมายเลข VN-A692 ลำนี้ด้วย ซึ่งจะทำให้มีเครื่องบินในฝูงรวมเป็น 15 ลำ สามารถให้บริการได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ตามรายงานของเหงือยลาวโดง เมื่อวันที่ 1 พ.ค. หรือวันแรงงานสากลปีนี้ เวียดเจ็ตแอร์ เที่ยวบินญาจาง-นครโฮจิมินห์ เกือบจะพาผู้โดยสารราว 50 คน บินไปยังกรุงฮานอยด้วยความสับสนระหว่างเที่ยวบิน 2 เที่ยวดังกล่าว ก่อนหน้านั้น มีอีกเหตุการณ์หนึ่ง เวียดเจ็ตแอร์ลืมกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดไว้ที่สนามบินกามแรง ทำให้ผู้โดยสารกว่า 100 คน ต้องรอรับอยู่ที่สนามบินกรุงฮานอยจนถึงวันรุ่งขึ้น
เวียดเจ็ตแอร์ เป็นสายการบินแบบโลว์คอสต์ของเอกชนแห่งแรกในเวียดนาม และเติบโตอย่างรวดเร็วมาก เมื่อต้นปีนี้เพิ่งเซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินจากค่ายแอร์บัสจำนวนกว่า 63 ลำ ตามแผนการจัดซื้อ จำนวน 92 ลำ เพื่อขยายการให้บริการครอบคลุมปลายทางสำคัญทั่วภูมิภาค หลังจากเปิดบินเชื่อมไทยเป็นประเทศแรกเมื่อปลายปี 2555 ซึ่งมีการจัดให้พนักงานแต่งชุดไทยบนเครื่อง
ในเดือน ส.ค.ปีเดียวกัน เวียดเจ็ตแอร์ให้พนักงานบริการแต่งชุดระบำฮาวาย เต้นให้ผู้โดยสารได้ชมในโอกาสเปิดเที่ยวบินนครโฮจิมินห์-ญาจางจนเป็นข่าวไปทั่วโลก
ปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เวียดเจ็ตแอร์เสิร์ฟอาหารตาด้วยระบำ “ฮูลาฮูลา” บนเครื่องอีกครั้งหนึ่ง ในโอกาสเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์นครโฮจิมินห์-สิงคโปร์.