.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นักลงทุนและเกษตรกรได้ร่วมกันเปิดไร่กาแฟที่เลี้ยงตัวเพียงพอน เพื่อให้ช่วยผลิตเมล็ดกาแฟที่เชื่อกันว่ามีคุณภาพ ให้กลิ่นกับรสชาติดีที่สุดในโลก ซึ่งเป็น “ฟาร์ม” แห่งแรกในเวียดนามที่เปิดรับนักท่องเที่ยวไปชม อันเป็นหนึ่งในความพยายามส่งเสริมกาแฟคุณภาพดียี่ห้อของเวียดนามเองสู่ตลาดโลก สื่อของทางการรายงาน
ไร่กาแฟขี้เพียงพอน (Weasel Coffee) เปิดตัวที่เมืองด่าลัต (Dalat) จ.เลิมโด่ง (Lam Dong) ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก
เขตที่ราบสูงภาคกลางเป็น “ดงกาแฟ” ของเวียดนามม ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ส่งออกกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่อันดับ 1 ของโลก และเป็นเบอร์ 2 สำหรับกาแฟอะราบิก้า รองจากประเทศบราซิลเท่านั้น ในขณะที่เวียดนามเองเริ่มส่งเสริมกาแฟแบรนด์ของตัวเองให้โลกได้รู้จัก
ไร่กาแฟขี้เพียงพอนมีเนื้อที่ 12 ไร่เศษ เลี้ยงเพียงพอน จำนวน 120 ตัว ซึ่งจะให้ผลผลิตเป็นเมล็ดกาแฟชนิดพิเศษราว 500 กิโลกรัมต่อปีเท่านั้น
เพียงพอนในเวียดนามเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตระกูลเดียวกับพวกชะมด-พังพอนทั่วไป ทั้ง 2 ชนิดไม่ได้เป็นสัตว์ป่าสงวน แต่เพียงพอนเลี้ยงง่ายกว่า ตัวโตกว่า และเกษตรกรกล่าวว่า ให้กาแฟออกมามีคุณภาพดีกว่าพังพอนที่นิยมเลี้ยงกันในประเทศอื่นๆ
ผู้ไปเยี่ยมชมจะได้เห็นการผลิตกาแฟขี้เพียงพอนทั้งกระบวนการ ด้วยความช่วยเหลือของสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงดูอย่างดีภายใต้การกำกับดูแลของผู้เชี่ยวชาญจากกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋รายงานในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม
เพียงพอนชอบกินผลกาแฟสุกเป็นอาหารโดยธรรมชาติ กรรมวิธีจะเริ่มต้นจากการให้ “อาหาร” ซึ่งก็คือผลกาแฟอะราบิก้าที่สุกงอมพอดีๆ เก็บจากไร่ของเกษตรกรในท้องถิ่นที่ร่วมโครงการ จากนั้นก็รอให้เพียงพอนถ่ายเมล็ดกาแฟที่ย่อยไม่หมดออกมากับมูล โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตามเก็บ นำไปผ่านกระบวนการทำความสะอาดจนหมดจด และบรรจุหีบห่อส่งจำหน่าย
“ทุกๆ ถ้วยที่ได้ออกมาจะเป็นกาแฟอะราบิก้าคุณภาพเยี่ยม” นายเหวียนมีงก๊วก (Nguyen Minh Quoc) เจ้าของฟาร์มเลี้ยงแห่งแรกของประเทศบอกกับเตื่อยแจ๋ออนไลน์
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เอนไซม์ในกระเพาะอาหารที่เพียงพอนใช้ย่อยอาหารจะไม่สามารถย่อยสลายเมล็ดกาแฟได้ แต่มันกลับทำให้กาแฟที่ออกมามีรสกลมกล่อม มีกลิ่นหอมจัดจ้าน
กาแฟขี้เพียงพอนของไร่แห่งนี้ได้ผ่านการตรวจเช็กโดยผู้เชี่ยวชาญที่สถาบันปาสเตอร์ในด่าลัท รวมทั้งผ่านการตรวจจากสถาบันวิจัยนิวเคลียร์ที่ตั้งอยู่ในเมืองนี้ด้วย เพื่อรับประกันในเรื่องสุขภาพอนามัย และความปลอดภัย นายก๊วกกล่าว
กาแฟขี้พังพอนเป็นที่นิยมของนักดื่มทั่วโลก แต่เนื่องจาก ผลิตยาก และได้ปริมาณน้อยจึงมีราคาแพงมากเมล็ดกาแฟที่ได้ออกมาอาจจะมีราคาตั้งแต่กิโลกรัมละไม่กี่พัน ถึงหลายหมื่นบาท อินโดนีเซียเป็นแหล่งผลิตใหญ่ที่สุด ในประเทศไทยเองมีแหล่งผลิตใน จ.กาญจนบุรี ซึ่งเคยเป็นข่าวไปทั่วโลกเช่นกัน
ตามรายงานของสื่อทางการ ชาวไร่กาแฟเวียดนามทดลองแบบลองผิดลองถูกผลิตกาแฟขี้เพียงพอนมาหลายปี บ้างก็ใช้ชะมด บ้างก็ใช้พังพอน จนกระทั่งถึงคราวตัวเพียงพอน ซึ่งไม่ใช่ทุกพันธุ์ที่ชอบกินเมล็ดกาแฟสุกเป็นอาหาร.
.
2
3
4
5