ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กลุ่มอิซมาช (Izhmash) ผู้ผลิตปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติคาลาสนิคอฟ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “อาก้า” (AK) ได้เปิดเผยรูปโฉมของปืนรุ่นใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งบริษัทผลิตออกมาในจำนวนจำกัดเพื่อทดลองใช้ในหน่วยอัลฟา (Alpha) หน่วยรบพิเศษในสังกัดองค์การตำรวจลับ หรือเคจีบี (KGB) แห่งรัสเซีย ที่โลกภายนอกรู้จักชื่อเสียงเรียงนามดีในหลายเหตุการณ์
เมื่อพูดถึงชื่อ เอเค-74 ก็เป็นการพูดถึงปืน “อาก้า” ซี่รีส์เก่าอีกรุ่นหนึ่งที่เปิดสายการผลิตปี ค.ศ.1974 อันเป็นรุ่นปรับปรุงต่อจาก เอเค-47 ปืนรุ่นแรกในตระกูล ที่เปิดสายการผลิตในปี ค.ค.1947 หรือกว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หรือปี พ.ศ.2555 กระทรวงกลาโหมกับกองทัพรัสเซียได้ปฏิเสธที่จะซื้อ เอเค-74 ที่กล่าวถึงนี้เพิ่มอีก โดยให้เหตุผลว่า เก่า ล้าสมัย และไม่มีการพัฒนา
เพราะฉะนั้น การผลิต AK-74M Pro ออกมาย่อมแสดงให้เห็นว่าบริษัทอิซมาช กำลังพยายามลบคำสบประมาทด้วย แต่ก็ยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการว่า บริษัทจะทำอย่างไรต่อไปกับไรเฟิลรุ่นใหม่ที่เรียกว่า AK-74M Pro นี้
เมื่อ AK-74 ถูกปฏิเสธ กลุ่มอิซมาชก็จึงออกแบบและทำ AK-12 ออกมา โดยใช้ฤกษ์ปีที่เริ่มเปิดสายการผลิตคือ ค.ศ.2012 ซึ่งก็คือเมื่อ 2 ปีก่อน แต่กว่าจะผ่านด่านทดสอบมาได้จนได้รับการรับรองก็จนถึงสิ้นปี 2556 ซึ่งเวลาต่อมาบริษัทนี้ได้แถลงว่า ยอดจอง AK-12 จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทะลุ 3 ล้านกระบอกแล้ว
ถ้าเช่นนั้นทำไมจึงผลิต AK-74M ออกมาซ้ำซ้อนอีก .. ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่เชื่อกันว่าอิซมาช จะขออนุญาตต่อกระทรวงกลาโหมผลิตออกมาเพื่อส่งออก
ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอะไรมากนักเกี่ยวกับ AK-74M Pro แต่เท่าที่มองเผินๆ ก็คือ ไรเฟิลตัวใหม่ล่าสุดพัฒนาต่อจาก AKS-74 กับ AK-74M ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ได้ชื่อว่าทันสมัยที่สุดของซีรีส์ แต่รุ่น Pro มีรูปลักษณ์ไปละม้ายคล้ายคลึงกับ AK-12 มาก และแหวกแนวออกไปจาก AK-74 รุ่นก่อนๆ ในหลายจุด
ไรเฟิลรุ้่นใหม่ของคาลาสนิคอฟ ติดรางพิกาตินนี (Picatinny Rail) ทั้งบนและล่าง ครอบปลายปากกระบอกปืน (Muzzle) ยาวขึ้น และผลิตออกมาเป็น 3 รูปแบบ แต่ละแบบเจาะเป็น 3 ช่อง ช่วยระบายความร้อน และแรงดันได้มากขึ้น ลดแรงตีกลับได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ยิงได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
ปืนที่หน่วยปฏิบัติการฟิเศษอัลฟาทดลองใช้ ยังแสดงให้เห็นตำแหน่งที่ติดตั้งกล้องอินฟราเรดใหม่ ทำให้ส่วนรอยต่อของพานท้ายกับลำกล้องมีพื้นที่มากขึ้น ทำให้เล็งง่ายขึ้น และแม่นยำขึ้น รางพิคาทินนีด้านบนติดสปอตไลต์หาเป้า ด้านข้างลำตัวช่วงที่อยู่ติดส่วนบนของซองบรรจุกระสุน หรือแมกกาซีน ติดอุปกรณ์กำเนิดเลเซอร์สำหรับล็อกเป้าหมาย ส่วนล่างของด้านหน้าสุดติดเครื่องยิงระเบิดได้เช่นเดียวกับ AK-74M
ตามรายงานของเล็นตาด็อทอาร์ยู AK-74M Pro แหวกแนวออกมาใช้ส่วนประกอบที่ทำจากวัสดุโพลีเมอร์มากขึ้น ทำให้ปืนมีน้ำหนักเบาลง ถ่วงดุลกับองค์ประกอบที่มีมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังรักษารูปลักษณ์โดยรวมของ AK-74M เอาไว้อย่างครบถ้วนเช่นกัน
.
2
.
“อาก้า” เป็นอาวุธปืนประจำกายทหารที่มีชื่อเสียงก้องโลก ผูกพันกับประชาชนหลายประเทศที่ต่อสู้เพื่อเอกราช หรือเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ซึ่งว่ากันว่าจนถึงวันนี้มีการผลิตออกมารวมกันเกือบ 70 ล้านกระบอก
เชื่อกันว่า AK-74M Pro ยังคงใช้กระสุนขนาด 5.45x49 มม. อันเป็นมาตรฐานของค่ายโซเวียตเช่นเดียวกับรุ่นพี่ ทั้งนี้ ก็เพื่อจะทำตลาดได้ง่ายขึ้น เนื่องจากกระสุนขนาดนี้มีใช้อยู่แพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนหลายสิบล้านนัดยังอยู่ในมือลูกค้าเก่าของคาลาสนิคอฟ
เอเค-74 เริ่มสายการผลิตใน ค.ศ.1974 ดังที่กล่าวมาแล้ว จนถึงปัจจุบันทำออกมาไม่ต่ำกว่า 6 ล้านกระบอก รุ่นหลังๆ ยังทำออกมาเพื่อใช้กระสุนของโลกตะวันตก หรือกลุ่มนาโต้-สหรัฐฯ ได้อีกด้วย ถึงแม้จะไม่ได้ใช้แพร่หลายเหมือนรุ่นที่ใช้กระสุนมาตรฐานของโซเวียต/รัสเซียก็ตาม แต่เรื่องนี้ AK-74 พัฒนามาก่อน AK-12 ยังไม่นับรวมอีกจำนวนหนึ่งที่ผลิตในต่างประเทศภายใต้สิทธิบัตรอีกด้วย
ต่างไปจาก AK-47 ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยม AK-74 แทบจะไม่มีใช้ในกองทัพประเทศในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกเว้นเพียงเวียดนาม ซึ่งสื่อของทางการเคยรายงานเกี่ยวกับหน่วยรบหนึ่งที่ใช้ AK-74M ใหม่เอี่ยม ก่อนที่กระทรวงกลาโหมจะตัดสินใจหันไปหา ไรเฟิลรุ่นใหม่สายพันธุ์อิสราเอล รวมทั้งรุ่นหนึ่งที่กำลังก่อสร้างโรงงานผลิตอยู่ในเวียดนามในขณะนี้ด้วย.
.
ลบคำปรามาส เล็นตาด็อทอาร์ยู
3
4
5
6
7
8
9
10