เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสสูงสุดของสหรัฐฯ เดินทางเยือนเวียดนามเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ ร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ในกรุงฮานอยวันนี้ (14) ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดระหว่างอดีตศัตรูสงคราม
พล.อ.มาร์ติน อี เดมพ์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ ได้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของเวียดนาม ทีีรวมทั้ง พล.อ.ฝุ่ง กวาง แทง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเวียดนาม และมีกำหนดเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง ในวันเดียวกัน
ก่อนการหารือแบบปิด พล.อ.เดมพ์ซีย์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า การเยือนของเขาครั้งนี้นับเป็นช่วงเวลาสำคัญในอาชีพทหารของตนเอง
กระทรวงกลาโหมเวียดนาม ระบุว่า การเยือนเวียดนามครั้งนี้เป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ระดับประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เป็นมิตรระหว่าง 2 ประเทศ ที่เคยต่อสู้ในสงครามที่ยาวนานนับสิบปี ซึ่งสิ้นสุดลงด้วยการรวมชาติของเวียดนามในปี 2518
การหารือมุ่งเน้นที่การส่งเสริมความร่วมมือทางทหารที่มุ่งไปยังความมั่นคงทางทะเล การค้นหาและกู้ภัย และการเอาชนะผลกระทบของสงคราม กระทรวงกลาโหมระบุในคำแถลง
ฮานอย ในเวลานี้มีข้อบาดหมางขัดแย้งทางทะเลกับปักกิ่งเกี่ยวกับน่านน้ำ และหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้
การค้าระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามขยายตัวมากขึ้นนับตั้งแต่ 2 ประเทศฟื้นคืนความสัมพันธ์กลับสู่ระดับปกติในปี 2538
แต่ความร่วมมือทางทหารยังคงถูกจำกัดไว้ เนื่องจากสหรัฐฯ ห้ามค้าอาวุธกับเวียดนาม แม้สหรัฐฯ ระบุว่า อาจพิจารณาผ่อนคลายข้อจำกัดนี้เมื่อเวียดนามมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน
พล.อ.เดมพ์ซีย์ คาดว่าจะเดินทางไปยังนครด่าหนัง ทางภาคกลางของประเทศ พื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นฐานทหารสำคัญของสหรัฐฯ ในช่วงสงคราม ซึ่งสหรัฐฯ ได้ดำเนินความพยายามที่จะกำจัดสารไดออกซินจากพื้นที่ดังกล่าว
สหรัฐฯ พ่นยาที่ทำให้ใบไม้ร่วง เช่น สารเหลือง ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้างของพื้นที่ป่าในเวียดนามใต้ระหว่างสงคราม ในความพยายามที่จะกวาดล้างเวียดกง ด้วยการทำลายต้นไม้ที่เหล่าเวียดกงนั้นใช้หลบซ่อน และเป็นแหล่งอาหาร
ฮานอย ระบุว่า ชาวเวียดนามมากถึง 3 ล้านคนสัมผัสกับสารเหลือง และราว 1 ล้านคน ต้องทนทุกข์จากผลกระทบของสารเหลืองที่มีต่อสุขภาพในทุกวันนี้ และความพยายามของบรรดาเหยื่อชาวเวียดนามที่จะร้องขอการชดเชยจากสหรัฐฯ ก็ประสบความสำเร็จเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนทหารผ่านศึกชาวอเมริกันได้รับเงินหลายพันล้านดอลลาร์สำหรับโรคที่เชื่อมโยงจากสารเหลือง แต่ทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ และผู้ผลิตสารเคมีไม่เคยยอมรับความผิดดังกล่าว.