ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทางการฟินแลนด์ได้อายัดอาวุธเวียดนามเอาไว้ที่สนามบินนครเฮลซิงกิ เป็นจำนวนมากเพื่อตรวจสอบ เกือบทั้งหมดเป็นชิ้นส่วนจรวดต่อสู้อากาศยานที่ส่งไปเพื่อซ่อมบำรุงตามกำหนดในสาธารณรัฐยูเครน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามออกแถลงยอมรับในสัปดาห์นี้ ทั้งระบุว่า กำลังเจรจา และประสานงานกับฟินแลนด์เพื่อส่ง “สินค้า” เหล่านั้นต่อไปยังประเทศปลายทาง
นายเลหายบี่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามกล่าวเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ยืนยันรายงานของสื่อทางการรัสเซียที่ว่า ทางการฟินแลนด์ ได้ตรวจพบชิ้นส่วนจรวดนำวิถี กับอาวุธอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งในตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่อากาศยานในเมืองหลวง ระหว่างการขนถ่ายในเดือนนี้ และได้ทำการอายัดไว้เพื่อตรวจสอบ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ทั้งหมดดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ และกำลังเจรจาเรื่องนี้กับฟินแลนด์
นายบี่ง กล่าวว่า การส่งอาวุธกับชิ้นส่วนต่างๆ ไปยังยูเครนนั้นเป็นไปตามความตกลงกับความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสองประเทศ “เป็นเรื่องปกติ และสดคล้องต่อกฎหมายระหว่างประเทศ” ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่เวียดนามอยู่ระหว่างดำเนินการเจรจาเพื่อส่ง “สินค้า” ข้ามแดนต่อไปยังปลายทาง
สำนักข่าวโนวอสติรายงานก่อนหน้านี้ว่า ฟินแลนด์ ได้อายัดอาวุธจากเวียดนามเอาไว้ “เป็นจำนวนมาก” แต่มิได้เปิดเผยว่ามีอะไรอีกบ้าง นอกเหนือจากชิ้นส่วนหางของจรวดต่อสู้อากาศยานแบบ R-73E “วีมเพล” (Vympel R-73E) ซึ่งใช้กับสำหรับเครื่องบินรบ Su-27 กับ Su-30 และสื่อออนไลน์ในเวียดนาม กล่าวว่า ชิ้นส่วนหางของจรวดยิงต่อสู้เครื่องบินแบบอากาศสู่อากาศ (Air-to-Air Missile) ดังกล่าว ถูกส่งไปเพื่อรับการซ่อมบำรุง และอัปเกรดตามช่วงเวลาที่กำหนดโดยบริษัทผู้ผลิต
นักวิเคราะห์เชื่อว่า กองทัพอากาศเวียดนาม ครอบครองจรวดต่อสู้อากาศยานรุ่นนี้หลายร้อยลูก เป็นจรวดที่พัฒนาต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียตโดยสาธารณรัฐยูเครน ที่เคยเป็นแหล่งเครื่องบินรบตระกูลซูคอยมาก่อน ได้เป็นแหล่งผลิตจรวดรุ่นนี้ด้วย
ตามรายงานในเว็บไซต์ข่่าวกลาโหม กลุ่มนาโต้เรียกจรวดวิมเพล R-73 ว่า “อาร์เช่อร์” (AA-11 Archer) เป็นแบบนำวิถีด้วยอินฟราเรด มีระบบปรับระดับการร่อน การไต่ความสูง หรือดิ่งลงขณะวิ่งตามเป้าหมาย หรือ Thrust Vectoring ติดตั้งไว้ที่ส่วนหาง ซึ่งได้รับการยอมรับในเรื่องประสิทธิภาพ และยังเป็นต้นเหตุให้ค่ายตะวันตกต้องพัฒนาจรวดรุ่นใหม่คล้ายกันนี้ออกมาใช้งานอีกด้วย.
.
.
2
2