xs
xsm
sm
md
lg

อินเดียตกลงช่วยฝึกนักบิน Su-27/30 ให้ทัพฟ้าอิเหนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>เครื่องบิน Su/27SK จำนวน 2 ลำกับ SU-30MK2 อีก 2 ลำของกองทัพอากาศอินโดนีเซียที่ไปร่วมฝึกซ้อม พิตช์แบ็ค (Picthback 2012) กับกองทัพอากาศออสเตรเลีย สิงคโปร์และกองทัพอากาศไทยในออสเตรเลียเหนือในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา บินเข้าขบวนกับเอฟ/เอ-18 ฮอร์เน็ต ของออสเตรเลียเหนือเมืองดาร์วิน อินโดนีเซียเคยประกาศแผนการจัดซื้อ Su-30 จากรัสเซียถึง 80 ลำ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจหลังจากสหรัฐฯ เสนอยก F-16 C/D ให้ฟรีๆ ถึง 24 ลำ แต่จะต้องใช้งบประมาณหลายร้อยล้านดอลลาร์ทำการอัพเกรด สัปดาห์นี้อินเดียตกลงช่วยอินโดนีเซียฝึกนักบินสำหรับฝูงบิน Su-27/30 ที่มีอยู่ รวมทั้งสนับสนุนทางเทคนิค กับชิ้นส่วน/อะไหล่ด้วย. -- ภาพ: Commonwealth Australia.  </b>
.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - อินเดียซึ่งเป็นประเทศที่ใช้เครื่องบินรบของค่ายโซเวียต-รัสเซียรายใหญ่ที่สุดในย่านเอเชีย ได้ตกลงช่วยสนับสนุนกองทัพอากาศอินโดนีเซียในการฝึกนักบินสำหรับเครื่องบินตระกูลซูคอย คือ Su-27 กับ Su-30 “แฟล็งเคอร์” จำนวน 14 ลำ ที่ประจำการกองทัพอากาศอินโดนีเซียในขณะนี้ รวมทั้งสนับสนุนชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องบินรบตระกูลซูคอยที่อินเดียผลิตได้เองอีกด้วย

หนังสือพิมพ์ดิอินเดียนเอ็กซ์เพรส (Indian Express) รายงานเรื่องนี้ในวันวันพุธ 17 ต.ค.2555 ในเว็บไซต์ข่าว โดยระบุว่า ความตกลงดังกล่าวมีขึ้นในกรุงจาการ์ตา ระหว่างการเยือนอินโดนีเซียของ พล.อ.เอเคแอนโทนี รัฐมนตรีกลาโหม

อินโดนีเซียเคยประกาศแผนการจัดซื้อเครื่องบิน Su-30 จากรัสเซียถึง 80 ลำในระยะหลายปีข้างหน้า แต่ได้ประกาศเปลี่ยนความตั้งใจเมื่อไม่นานมานี้ ยกเลิกการซื้อ Su-30 โดยอ้างเหตุผลด้านงบประมาณที่จำกัด หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เสนอยกเครื่องบิน F-16 ใช้แล้ว จำนวน 24 ลำ ให้ฟรีแต่จะต้องมีงบประมาณหลายร้อยล้านดอลลาร์สำหรับการอัปเกรดให้เป็นเครื่องบินรบที่ทันสมัย

นอกจากนั้น อินโดนีเซียยังจะต้องจัดซื้อเครื่องบินขนส่งลำเลียงแบบ C-130 ต่อจากออสเตรเลีย ควบกับการอัปเกรดรุ่นเก่าที่มีประจำการในปัจจุบันอีกด้วย ทั้งประกาศด้วยว่า อาจจะไม่มีการจัดซื้อเครื่องบินรบรุ่นไหนอีกอย่างน้อยก็ในระยะ 10 ปีข้างหน้า

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากอินโดนีเซียเปลี่ยนนโยบายด้านกลาโหม ที่จะไม่พึ่งพาด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จากค่ายใดค่ายหนึ่งมากจนเกินไป และอินโดนีเซียยังเน้นหนักไปที่การถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยจะไม่ซื้ออาวุธของค่ายใดที่ไม่ยอมให้เปิดสายการผลิตขึ้นในประเทศ

ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียมีข้อตกลงกับจีน เพื่อให้จีนช่วยฝึกนักบิน Su-27 กับ Su-30 ยังไม่ทราบในขณะนี้ว่า ความตกลงยังมีผลบังคับอยู่หรือไม่

ปัจจุบัน เมื่ออินเดียเป็นผู้ใช้เครื่องบินรบรัสเซียรายใหญ่ที่สุดในย่านนี้ โดยกำลังจะมี Su-30MKI ฝูงที่ 9 ในเดือน ธ.ค.นี้ ในแผนการจัดซื้อจัดหาทั้งหมด 272 ลำ ภายในปี พ.ศ.2561 ซึงส่วนใหญ่จะผลิตในประเทศภายใต้สิทธิบัตรจากซูคอยรัสเซีย ทำให้อินโดนีเซียเทความสนใจไปยังอินเดียแทน ทั้งในเรื่องการฝึกนักบินและการสนับสนุนทางเทคนิค
.
<bR><FONT color=#000033>เครื่องบิน Su-30MKI กองทัพอากาศอินเดียระหว่างการฝึก COPE 2004 ในภาพจาก Wikipedia ประเทศนี้เป็นผู้ใช้เครื่องบินรบตระกูลซูคอยรายใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก กำลังจะมีฝูงบิน Su-30 ฝูงที่ 8 ในเดือนสองเดือนนี้ตามแผนจัดซื้อ 272 ลำภายในปี 2561 แต่ส่วนใหญ่จะผลิตเองภายในประเทศภายใต้สิทธิบัตรจากซูคอยรัสเซีย อินเดียเพิ่งบรรลุความตกลงที่จะช่วยอินโดนีเซียฝึกนักบิน Su-27/30 ของกองทัพอากาศ รวมทั้งสนับสนุนทางเทคนิคและชิ้นส่วน/อะไหล่ต่างๆ ของ SU-27/30 ที่ผลิตในอินเดียด้วย หลังจากทำความตกลงคล้ายกันนี้กับกองทัพอากาศมาเลเซียมาแล้ว ส่วนเวียดนามเคยมีรายงานว่าจะผลิตชิ้นส่วนเองและตั้งโรงซ่อมขนาดใหญ่ขึ้นในประเทศด้วยความร่วมมือจากซูคอยเช่นกัน. </b>
.
พล.อ.แอนโทนีกล่าวว่า อินเดียพร้อมจะส่งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพอากาศไปเยือนอินโดนีเซีย เพื่อติดตาม และหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทันทีที่อินโดนีเซียมีความต้องการและพร้อม หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันรายงาน

ปัจจุบัน กลุ่มฮินดูการอากาศยาน (Hindustan Aeronautics Limited) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่ เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับฝูงบินซูคอยของกองทัพอากาศอินเดีย ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2550 อินเดียได้มีความตกลงแบบเดียวกันนี้กับมาเลเซีย เพื่อช่วยฝึกนักบินกับเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบอาวุธสำหรับ Su-30 ของกองทัพอากาศ

นักวิเคราะห์มองว่า หลายปีมานี้ถึงแม้ว่าอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศอิสลามใหญ่ที่สุดในโลกจะหวั่นวิตกต่อการขยายอิทธิพลลงสู่ทะเลจีนใต้ และแปซิฟิกของคอมมิวนิสต์จีนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคู่บาดหมางทางประวัติศาสตร์โดยตรงกับจีน แต่ก็วิตกไม่แพ้กันเมื่ออินเดียซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ในโลก เริ่มสร้างเสริมแสนยานุภาพในมหาสมุทรอีกด้านหนึ่ง

ระหว่างการเยือนอินโดนีเซียครั้งนี้ สองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือด้านกลาโหม และประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน และยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลายประเด็นที่เกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค และสถานการณ์โลก รวมทั้งหารือเกี่ยวกับการฝึกร่วมทางทหารในด้านการบริการ การผลิตอุปกรณ์ด้านป้องกันประเทศ และพวกกระสุนต่างๆ กับการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูง

ร่วมในคณะเยือนอินโดนีเซียของ พล.อ.แอนโทนียังประกอบด้วยนายทหารระดับสูงอีกหลายนาย รวมทั้งปลัดกระทรวงกลาโหมอินเดีย ผู้บัญชาการกองเรืออันดามันและนิโคบาร์ และสมาชิกคณะกรรมการโรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหมด้วย อินเดียนเอ็กซ์เพรสกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น