.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - อินเดียซึ่งเป็นประเทศที่ใช้เครื่องบินรบของค่ายโซเวียต-รัสเซียรายใหญ่ที่สุดในย่านเอเชีย ได้ตกลงช่วยสนับสนุนกองทัพอากาศอินโดนีเซียในการฝึกนักบินสำหรับเครื่องบินตระกูลซูคอย คือ Su-27 กับ Su-30 “แฟล็งเคอร์” จำนวน 14 ลำ ที่ประจำการกองทัพอากาศอินโดนีเซียในขณะนี้ รวมทั้งสนับสนุนชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องบินรบตระกูลซูคอยที่อินเดียผลิตได้เองอีกด้วย
หนังสือพิมพ์ดิอินเดียนเอ็กซ์เพรส (Indian Express) รายงานเรื่องนี้ในวันวันพุธ 17 ต.ค.2555 ในเว็บไซต์ข่าว โดยระบุว่า ความตกลงดังกล่าวมีขึ้นในกรุงจาการ์ตา ระหว่างการเยือนอินโดนีเซียของ พล.อ.เอเคแอนโทนี รัฐมนตรีกลาโหม
อินโดนีเซียเคยประกาศแผนการจัดซื้อเครื่องบิน Su-30 จากรัสเซียถึง 80 ลำในระยะหลายปีข้างหน้า แต่ได้ประกาศเปลี่ยนความตั้งใจเมื่อไม่นานมานี้ ยกเลิกการซื้อ Su-30 โดยอ้างเหตุผลด้านงบประมาณที่จำกัด หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เสนอยกเครื่องบิน F-16 ใช้แล้ว จำนวน 24 ลำ ให้ฟรีแต่จะต้องมีงบประมาณหลายร้อยล้านดอลลาร์สำหรับการอัปเกรดให้เป็นเครื่องบินรบที่ทันสมัย
นอกจากนั้น อินโดนีเซียยังจะต้องจัดซื้อเครื่องบินขนส่งลำเลียงแบบ C-130 ต่อจากออสเตรเลีย ควบกับการอัปเกรดรุ่นเก่าที่มีประจำการในปัจจุบันอีกด้วย ทั้งประกาศด้วยว่า อาจจะไม่มีการจัดซื้อเครื่องบินรบรุ่นไหนอีกอย่างน้อยก็ในระยะ 10 ปีข้างหน้า
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากอินโดนีเซียเปลี่ยนนโยบายด้านกลาโหม ที่จะไม่พึ่งพาด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จากค่ายใดค่ายหนึ่งมากจนเกินไป และอินโดนีเซียยังเน้นหนักไปที่การถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยจะไม่ซื้ออาวุธของค่ายใดที่ไม่ยอมให้เปิดสายการผลิตขึ้นในประเทศ
ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียมีข้อตกลงกับจีน เพื่อให้จีนช่วยฝึกนักบิน Su-27 กับ Su-30 ยังไม่ทราบในขณะนี้ว่า ความตกลงยังมีผลบังคับอยู่หรือไม่
ปัจจุบัน เมื่ออินเดียเป็นผู้ใช้เครื่องบินรบรัสเซียรายใหญ่ที่สุดในย่านนี้ โดยกำลังจะมี Su-30MKI ฝูงที่ 9 ในเดือน ธ.ค.นี้ ในแผนการจัดซื้อจัดหาทั้งหมด 272 ลำ ภายในปี พ.ศ.2561 ซึงส่วนใหญ่จะผลิตในประเทศภายใต้สิทธิบัตรจากซูคอยรัสเซีย ทำให้อินโดนีเซียเทความสนใจไปยังอินเดียแทน ทั้งในเรื่องการฝึกนักบินและการสนับสนุนทางเทคนิค
.
.
พล.อ.แอนโทนีกล่าวว่า อินเดียพร้อมจะส่งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพอากาศไปเยือนอินโดนีเซีย เพื่อติดตาม และหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทันทีที่อินโดนีเซียมีความต้องการและพร้อม หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันรายงาน
ปัจจุบัน กลุ่มฮินดูการอากาศยาน (Hindustan Aeronautics Limited) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่ เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับฝูงบินซูคอยของกองทัพอากาศอินเดีย ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2550 อินเดียได้มีความตกลงแบบเดียวกันนี้กับมาเลเซีย เพื่อช่วยฝึกนักบินกับเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบอาวุธสำหรับ Su-30 ของกองทัพอากาศ
นักวิเคราะห์มองว่า หลายปีมานี้ถึงแม้ว่าอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศอิสลามใหญ่ที่สุดในโลกจะหวั่นวิตกต่อการขยายอิทธิพลลงสู่ทะเลจีนใต้ และแปซิฟิกของคอมมิวนิสต์จีนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคู่บาดหมางทางประวัติศาสตร์โดยตรงกับจีน แต่ก็วิตกไม่แพ้กันเมื่ออินเดียซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ในโลก เริ่มสร้างเสริมแสนยานุภาพในมหาสมุทรอีกด้านหนึ่ง
ระหว่างการเยือนอินโดนีเซียครั้งนี้ สองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือด้านกลาโหม และประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน และยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลายประเด็นที่เกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค และสถานการณ์โลก รวมทั้งหารือเกี่ยวกับการฝึกร่วมทางทหารในด้านการบริการ การผลิตอุปกรณ์ด้านป้องกันประเทศ และพวกกระสุนต่างๆ กับการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูง
ร่วมในคณะเยือนอินโดนีเซียของ พล.อ.แอนโทนียังประกอบด้วยนายทหารระดับสูงอีกหลายนาย รวมทั้งปลัดกระทรวงกลาโหมอินเดีย ผู้บัญชาการกองเรืออันดามันและนิโคบาร์ และสมาชิกคณะกรรมการโรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหมด้วย อินเดียนเอ็กซ์เพรสกล่าว.