เอเอฟพี - ผู้นำพม่ากล่าววานนี้ (26) ว่า บทบาทของกองทัพทหารพม่าควรจะค่อยๆ ลดลง ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย ท่ามกลางการรณรงค์ของฝ่ายค้านที่ต้องการให้ทหารคลายอำนาจทางการเมือง
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเต็งเส่ง ยืนยันว่า ยังให้ความสนับสนุนต่อกองทัพ เนื่องจากทางการยังไม่บรรลุการหยุดยิงทั่วประเทศกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์บางกลุ่ม
“เราต้องรักษาสมดุลการเป็นประชาธิปไตยด้วยการพัฒนาความสงบสุขของท้องถิ่น เพื่อค่อยๆ ลดบทบาทของกองทัพ” ประธานาธิบดีเต็งเส่ง กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาที่กรุงเนปีดอ เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปี การปกครองแบบกึ่งพลเรือน
“ประชาคมโลกเคยระบุว่า เราปกครองระบอบเผด็จการ แต่ในตอนนี้เราได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ประเทศที่ปกครองในระบอบรัฐธรรมนูญ เรามีหน้าที่พัฒนาประเทศในสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน” ผู้นำพม่า กล่าว
พม่า ได้ดำเนินการปฏิรูปการเมือง และเศรษฐกิจในหลายด้าน นับตั้งแต่หลุดพ้นจากการปกครองของทหารที่ยาวนานเกือบ 5 ทศวรรษ ในปี 2554 แต่กองทัพยังคงมีสิทธิยับยั้งในรัฐสภาด้วยจำนวน 1 ใน 4 ของที่นั่งทั้งหมดในรัฐสภา ซึ่งจัดสรรไว้สำหรับทหาร
ด้านนางอองซานซูจี หัวหน้าฝ่ายค้าน ระบุว่า ตนเองมีความพร้อมที่จะรับหน้าที่ประธานาธิบดี แต่จำเป็นจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ ที่จะสามารถดำเนินการได้ด้วยการยินยอมจากเสียงส่วนหนึ่งของทหาร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติใดๆ ในรัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนเกินกว่า 75% ของสมาชิกรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม พรรค NLD ของนางซูจี ยืนยันว่าจะไม่คว่ำบาตรการเลือกตั้งปี 2558 แม้จะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ ผู้นำพม่าได้แสดงความคิดเห็นเชิงบวกต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยระบุว่าการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกส่งผลให้การลงทุนจากต่างชาติเพิ่มสูง จาก 1,400 ล้านดอลลาร์ ในปี 2555 เป็น 3,500 ล้านดอลลาร์ ในปีก่อน โดยที่ภาคการผลิต และการท่องเที่ยวเป็นส่วนที่เติบโตมากที่สุด ขณะที่โครงการด้านโทรคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน และอุตสาหกรรม จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากขึ้น.