ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ในขณะที่ยังไม่พบร่องรอยใดๆ ของโบอิ้ง 777-200ER สายการบินมาเลเซียที่สูญหายตลอด 4 วันที่ผ่านมา โทรทัศน์ในนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย ได้แพร่ภาพเหตุการณ์หนึ่งเมื่อปี 2554 ที่ระบุว่า ผู้ช่วยนักบินบนเที่ยวบินนี้เคยพาสาวสวยผมทองชาวแอริฟกาใต้เข้าไปในห้องนักบินพูดคุย และสูบบุหรี่ด้วยกัน ซึ่งถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริงก็แสดงให้เห็นความหย่อนยานทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นการทำผิดกฎการบินพาณิชย์ที่มีโทษพักงานจนถึงยึดใบอนุญาต
หญิงสาวที่ชื่อจอนติ รูส (Jonti Roos) ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในนครเมลเบิร์น เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ไนน์เน็ตเวิร์กว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขณะที่เธอกับเพื่อนๆ อยู่บนเที่ยวบินจาก จ.ภูเก็ต ของไทยไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ และได้รับการต้อนรับขับสู้จากทั้งนักบิน และผู้ช่วยนักบินโดยได้รับเชิญเข้าไปในห้องนักบิน
ภาพที่เผยแพร่ผ่านโทรทัศน์ออสเตรเลียมีบุคคลที่หน้าตาคล้ายกับฟาริก อับดุล ฮามิด (Fariq Abdul Hamid) ผู้ช่วยนักบิน (First Officer หรือ F/O หรือ Co-Pilot) วัย 27 ปี บนเที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายในขณะนี้รวมอยู่ด้วย เขาถ่ายรูปคู่กับสาวสวยผมทอง 2 คน และถ่ายเดี่ยวกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งซึ่งรูส กล่าวว่า เป็นเพื่อนชาวแอฟริกาใต้ของเธอ
เจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส บอกกับรอยเตอร์ในคืนวันอังคารว่า นายฮามิด เข้าทำงานกับสายการบินแห่งชาติเมื่อปี 2550 ทุกคนรู้สึกช็อกกับข่าวนี้แต่ยังไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ ในขณะที่สื่อในภูมิภาคนี้ได้ตีพิมพ์ทั้งข่าว และภาพเหตุการณ์นี้อย่างกว้างขวาง
“ระหว่างเดินทางนั้นพวกเขาพูดคุยกับเรา สูบบุหรี่ และถ่ายรูปกับเราในห้องนักบินขณะกำลังขับเครื่องบิน” จอนติกล่าว
เธอบอกว่า รู้สึกตกใจมากเมื่อได้เห็นภาพของนายฮามิด รวมอยู่ในบรรดาผู้ที่สูญหายกับเที่ยวบิน MH370 ในเช้าตรู่วันเสาร์ที่ 8 มี.ค.ด้วย “ฉันจำได้ทันทีว่าฉันได้พบเขาที่นั่น (ในห้องนักบิน) กับพวกนักบิน เขาถ่ายรูปกับเรา ฉันรู้สึกช็อกมาก”
เธอกล่าวอีกว่า การนำเอารูปภาพออกเผยแพร่ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะประจานว่านักบินบนเที่ยวบินที่สูญหายมีความหย่อนยานอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าจนถึงขณะนี้ทุกอย่างก็ยังเป็นความลี้ลับอยู่
หลังจากเกิดเหตุการณ์ 9/11 ในสหรัฐฯ องค์การการบินสากลได้ออกกฎห้ามผู้โดยสารเข้าไปในห้องนักบินโดยเด็ดขาดซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการรักษาความปลอดภัย
รายงานของไนน์เน็ตเวิร์ก มีขึ้นในขณะที่การค้นหาเครื่องบินโดยสาร พร้อมกับผู้โดยสาร 227 คน ลูกเรืออีก 12 คน ที่มีนายฮามิด รวมอยู่ด้วยนั้นเริ่มเข้าสู่การพลิกผันเมื่อแหล่งข่าวในกองทัพอากาศมาเลเซียเปิดเผยว่า เรดาร์ของทหารได้แสดงข้อมูลแสดงให้เห็นว่า โบอิ้ง 777 ได้บินย้อนกลับทางทิศตะวันตกไปจนถึงเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งในช่องแคบมะละกา ระหว่างมาเลเซีย กับเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ก่อนจะหายวับไป
เครื่องบินเลี้่ยวกลับหลังจากบินขึ้นจากกัวลาลัมเปอร์ได้ไม่นาน และเข้าสู่ทะเลอ่าวไทยระหว่างมาเลเซีย กับเวียดนาม
ยังไม่มีผู้ใดสามารถอธิบายได้ว่าเครื่องบินหันหัวกลับได้อย่างไร หรือเกิดอะไรขึ้นในห้องนักบิน และเหตุการณ์เกิดขึ้นโดยบนเครื่องบินไม่ได้เปิดอุปกรณ์สื่อสาร และไม่มีเรดาร์แห่งใดสามารถจับได้ตลอดระยะทาง 500 กิโลเมตร ที่บินย้อนกลับข้ามแหลมมลายู ไปในทิศทางตรงข้าม
ถ้าหากรายงานเรื่องนี้เป็นความจริง ก็จะเป็นความคืบหน้าอย่างใหญ่หลวง หลังจากความพยายามค้นหาร่วมกันของนานาประเทศในน่านน้ำอ่าวไทยของเวียดนามไม่พบร่องรอยใดๆ ตลอด 4 วันมานี้ และการค้นหาทางด้านช่องแคบมะละกา กับฝั่งทะเลอันดามันได้เริ่มขึ้น.
.
2
3