รอยเตอร์ - เรือจากกองทัพเรือ 6 ชาติ เครื่องบินทหารหลายสิบลำ พร้อมเทคโนโลยีเรดาร์ที่สามารถระบุตำแหน่งลูกฟุตบอลจากระยะไกลหลายร้อยฟุตในอากาศ ทั้งหมดที่กล่าวมายังไม่ประสบความสำเร็จในการหาร่องรอยเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายสาบสูญไปเมื่อ 3 วันก่อน
สำหรับลูกเรือที่ร่วมปฏิบัติการทั้งทางน้ำ และอากาศถือว่าการค้นหาครั้งนี้น่าผิดหวัง หลังมีรายงานพบหางเครื่องบิน แต่กลับกลายเป็นท่อนไม้มัดรวมกันลอยอยู่ในทะเล
ในวันจันทร์ (10) เครื่องบินของเวียดนามได้ตรวจพบสิ่งที่เชื่อว่าเป็นแพชูชีพสีเหลืองของเครื่องบินลอยอยู่ในทะเล เฮลิคอปเตอร์ถูกส่งเข้าไปสำรวจแต่เก็บกู้ได้เพียงฝาครอบโรลสายเคเบิลขึ้นมาจากทะเล
การค้นหาครั้งใหญ่ที่มีรัศมีกว้าง 50 ไมล์ทะเลจากจุดติดต่อสุดท้ายที่เครื่องบินปรากฏบนเรดาร์ ครึ่งทางระหว่างชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย และใต้สุดของเวียดนาม ครอบคลุมพื้นที่ราว 27,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งรวมทั้งหลายพื้นที่บางส่วนของอ่าวไทย และทะเลจีนใต้
ในอาณาบริเวณดังกล่าวมีเรือสินค้าแล่นอยู่เพียงไม่กี่ลำ ขณะที่ช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์เดินทางไปกับเครื่องบินอานโตนอฟ-26 ของกองทัพอากาศเวียดนาม เพื่อสำรวจค้นหาทางอากาศ เครื่องบินใช้เวลาบินวนพื้นที่ 400 ตารางกิโลเมตร ที่ความสูง 6,500 ฟุต เป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ขณะที่ลูกเรือส่องกล้องสำรวจทะเลที่อยู่เบื้องล่าง แต่ไม่พบอะไร
“อุปสรรคสำคัญที่เราเผชิญคือ การค้นหาด้วยตาเปล่าจากความสูงที่สูงมากเช่นนี้” กัปตันหวู ดึ๊ก ลอง จากฝูงบินที่ 918 ของเวียดนาม กล่าว
“เราส่งเครื่องบินออกไปปฏิบัติการในเช้าวันนี้ 3 ลำ โดย 2 ลำแรกทำหน้าที่ค้นหา และอีกลำเป็นเครื่องสั่งการ แต่จนถึงเวลานี้เรายังไม่พบอะไร” กัปตันหวู ดึ๊ก ลอง กล่าว
ไม่มีรายงานการพบซากชิ้นส่วนใดๆ ของเครื่องบิน นับตั้งแต่เที่ยวบิน MH370 หายไปจากจอเรดาร์ในช่วงเช้ามืดของวันเสาร์ เพียงหนึ่งชั่วโมงหลังเดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ มุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่ง
โดยปกติ หากเครื่องบินรายงานพบวัตถุในน้ำ และหากมีรูปถ่ายประกอบ รายงานจะส่งไปยังทางการมาเลเซียที่ประสานงานการค้นหาเครื่องบินที่กำลังบินอยู่ในระดับต่ำ เฮลิคอปเตอร์ หรือเรือที่อยู่ใกล้กับจุดดังกล่าวจะถูกส่งเข้าไปตรวจสอบวัตถุที่ได้รับรายงาน
มาเลเซียได้ขยายการค้นหาไปยังฝั่งตะวันตกของประเทศ หลังมีทฤษฎีว่าเครื่องบินอาจหันหัวกลับมายังกรุงกัวลาลัมเปอร์ด้วยเหตุบางประการ ซึ่งในการค้นหาครั้งนี้มีเครื่องบิน 34 ลำ และเรือ 40 ลำจาก 10 ประเทศ เข้าร่วมปฏิบัติการ
กองทัพเรือที่ 7 ของกองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบิน พี-3ซี โอไรออน จากฐานทัพในโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น และเรือพิฆาตพิงค์นีย์ (US Pinckney) ที่มาพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ “ซีฮอว์ก” (MH-60R Seahawk) ถึง 2 ลำ เพื่อร่วมปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย
เครื่องบินโอไรออน บินนานกว่า 3 ชั่วโมง เมื่อวันอาทิตย์ (9) เพื่อตรวจตราพื้นที่ราว 4,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเครื่องบินลำนี้มีระบบเรดาร์ APS-147 ที่สามารถระบุพิกัดลูกฟุตบอลที่กระดอนอยู่ในน้ำได้จากระยะไกลหลายร้อยฟุตในอากาศ ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ซีฮอว์ก นำมาใช้สำหรับการค้นหาในเวลากลางคืนด้วยกล้องอินฟราเรด
ผู้บัญชาการวิลเลียม มาร์คส โฆษกกองทัพเรือที่ 7 ระบุว่า การค้นหาครั้งนี้มีอุปสรรคหลายประการ พร้อมอธิบายว่า ตำแหน่งศูนย์กลางควรเป็นจุดที่เครื่องบินติดต่อสื่อสารเป็นครั้งสุดท้ายหรือควรเป็นจุดที่เครื่องบินปรากฏบนเรดาร์ครั้งสุดท้าย หลังจากนั้น ต้องคำนวณกระแสลมและกระแสคลื่น ซึ่งในทุกๆ ชั่วโมง พื้นที่สำรวจจะขยายวงกว้างขึ้น และในขณะนี้ผ่านไปนาน 3 วัน นับตั้งแต่เครื่องบินรายงานว่าสูญหาย ทำให้พื้นที่ค้นหามีระยะที่กว้างมาก
ฝ่ายจีนได้ส่งเรือ 4 ลำ จากกองทัพเรือ เรือรักษาการณ์ชายฝั่ง 1 ลำ และเรือพลเรือนอีก 1 ลำ เข้าร่วมค้นหา และยังมีเครื่องบินโอไรออน 2 ลำ จากออสเตรเลีย และอีก 1 ลำ จากนิวซีแลนด์ เข้าร่วมช่วยเหลือในครั้งนี้
นอกจากทหาร และเทคโนโลยีระดับสูงแล้ว ยังมีบุคคลอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการค้นหาครั้งนี้ด้วย
“เราได้สั่งการให้กองกำลังป้องกันพรมแดน และเรือประมงทุกลำเข้าตรวจตราพื้นที่” ฝ่าม แถ่งห์ เตื่อย ประธานคณะกรรมการ จ.ก่าเมา ที่อยู่ทางภาคใต้ของเวียดนาม กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ทางโทรศัพท์
“ทุกคนต่างตื่นตัว และช่วยกันค้นหาในทะเล แต่เรายังไม่พบอะไรเลยในตอนนี้” ฝ่าม แถ่งห์ เตื่อย กล่าว.