ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายตำรวจระดับสูงของประเทศผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นทั้งกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ รัฐมนตรีช่วยว่าการระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และเป็นหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในขณะเดียวกัน ได้ถึงแก่กรรมวันจันทร์ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ด้วยโรคประจำตัว ขณะที่การสอบสวนกรณีถูกกล่าวหาพัวพันกับการพานักโทษคดีอื้อฉาวคดีทุจริตในบริษัทเดินเรือแห่งชาติกำลังดำเนินอยู่ และทั่วทั้งสังคมกำลังเฝ้าจับตาดูความไม่ปกติ เนื่องจากจนบัดนี้ไม่มีการประกาศพิธีศพของรัฐมนตรีผู้นี้ในระดับรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
พล.ท.ฝ่ามกวีโง (Pham Quy Ngo) ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลทหารหมายเลข 108 กรุงฮานอยหลังจากล้มป่วยด้วยมะเร็งตับมาเป็นเวลา 5 ปี เคยเดินทางไปผ่าตัดในสิงคโปร์ แต่อาการกลับมากำเริบอีกเมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวโซฮาออนไลน์รายงาน
ระหว่างเข้าให้ปากคำสู้คดีทุจริตในศาลครั้งหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว นายซเวืองจียวุ๋ง (Duong Chi Dung) อดีตผู้อำนวยการรัฐวิสาหกิจเดินเรือแห่งชาติหรือ “วินาไลน์” (Vinline) ได้ซัดทอดถึงนายพลโทรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงฯ ที่มีอำนาจควบคุมงานสอบสวนสืบสวนทั้งประเทศว่า เป็นผู้โทรศัพท์บอกตัวเขาในนาทีสุดท้ายเกี่ยวกับการออกหมายจับ และให้รีบหลบหนี
นายยวุ๋ง ถูกศาลกรุงฮานอยพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2556 ให้ลงโทษประหารชีวิต กับผู้ช่วยอีกคนหนึ่ง เนื่องจากร่วมกันกระทำความผิดฐานทุจริต 2 กระทงเกี่ยวกับการยักยอกเงินของรัฐนับร้อยล้านดอลลาร์ ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐอีก 8 คน ถูกศาลสั่งจำคุกตั้งแต่ 4-22 ปี ฐานร่วมกันทุจริตและยักยอกทรัพย์ จนเป็นเหตุให้รัฐวิสาหกิจเดินเรือที่เคยเจริญรุ่งเรืองต้องตกอยู่ในสภาพใกล้ล้มละลาย มีหนี้สินรุงรังราวเกือบ 3,000 ล้านดอลลาร์
เวลาต่อมา นายพลตำรวจตรี ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลฮานอย ซึ่งเป็นน้องชายของนายยวุ๋ง กับพวกอีกหลายคนถูกจับกุม หลังจากผู้ร่วมทีมที่ถูกกันตัวเป็นพยานโจทก์ซัดทอดว่าบุคคลกลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังพานายยวุ๋ง หลบหนีไปยังนครโฮจิมินห์ ก่อนจะลักลอบข้ามพรมแดนเข้ากัมพูชา และเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์ เพื่อหาทางหลบหนีไปอยู่ในสหรัฐฯ
ความพยายามหลบหนีของนายยวุ๋ง ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อมีหมายจับของตำรวจสากลออกไปทั่ว ทำให้ต้องกลับเข้ากัมพูชา และถูกจับกุมที่นั่นก่อนถูกนำตัวกลับประเทศ
พล.ท.กวีโง เป็นหนึ่งในบรรดารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง จำนวน 6 คนในปัจจุบัน แต่ตำแหน่งกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม กับตำแหน่งหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ทำให้มีอำนาจอิทธิพลล้นพ้น
นายตำรวจใหญ่ผู้นี้เคยรับผิดชอบคดีทุจริตใหญ่ระดับชาติมาหลายกรณี รวมทั้งคดีที่เรียกว่า “กรณี PMU18” เมื่อปี 2548-2549 ซึ่งหัวหน้าหน่วยงานกำกับดูและโครงการก่อสร้างถนนและสะพานแห่งนี้ยักยอกเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศหลายล้านดอลลาร์ไปเล่นพนันฟุตบอลยุโรปและนำไปใช้ส่วนตัว
กรณีนี้เกี่ยวพันไปถึงนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกรุงฮานอยคนหนึ่งด้วย
.
.
นายพลโทกวีโง สร้างชื่อเสียงอีกครั้งหนึ่งในคดีเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งตำรวจนครหายฝ่อง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือใช้กำลังเข้าทุบตีขับไล่ชาวนาหลายครอบครัวออกจากผืนดินที่ทางการยกให้นักลงทุนต่างชาติสัมปทานเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นคดีสะเทือนใจประชาชนทั้งประเทศ และถูกจับตามองจากองค์การสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรณีดังกล่าวจบลงด้วยการลงโทษทางวินัยตำรวจหลายนาย
รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ผู้นี้ ยังเป็นผู้กำกับดูแลโดยตรงคดีทุจริตในบริษัทเดินเรือแห่งชาติ อันฉาวโฉ่ด้วย
อย่างไรก็ตาม อดีต ผอ.รัฐวิสาหกิจวินาไลน์ ได้ให้การต่อศาลว่า เขาเองได้จ่ายเงินให้รัฐมนตรีช่วยกระทรวงความมั่นคงผู้หนึ่งเป็นจำนวน “หลายแสนดอลลาร์” เพื่อแลกกับการผ่อนหนักเป็นเบาในคดีทุจริต และได้จ่ายอีกครั้งหนึ่งเพื่อตอบแทนกับข้อมูลข่าวสารการจับกุมล่วงหน้าเปิดทางหลบหนี
ทั้งหมดนับเป็นกรณีอื้อฉาวครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในกระทรวงความมั่นคง กับตำรวจที่เกี่ยวกับการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ และการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ระดับสูง สำนักข่าวภาษาเวียดนามกล่าว
กระทรวงฯ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงเป็นการภายใน แต่ยังไม่มีการฟ้องร้องใดๆ และการเสียชีวิตของผู้ต้องสงสัยจะทำให้การสอบสวนสืบสวนต่างๆ ตลอดจนการกล่าวหาต้องตกไป สื่อออนไลน์กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ฝ่ามกวีโง เกิดปี พ.ศ.2497 เป็นชาว จ.ถายบี่ง ทางตะวันออกกรุงฮานอย เรียนจบจากวิทยาลัยการตำรวจ (โรงเรียนนายร้อยตำรวจ) ไต่เต้าขึ้นตามลำดับด้วยผลงานโดยได้รับรางวัลนายตำรวจดีเด่นจากรัฐบาลหลายครั้ง ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจในเดือน ม.ค.2551 และทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมตำรวจสากลอาเซียน (ASEANPOL) ครั้งที่ 29 เวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในกรุงฮานอยระหว่างวันที่ 13-15 พ.ค.2552
วันที่ 1 ม.ค.2553 นายพลตรีกวีโง เข้ารับตำแหน่งหัวหน้ากรมหญ่ตำรวจป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มีกำลังพลติดอาวุธทันสมัยอยู่ทั่วประเทศ ในเดือน ก.ค.ปีเดียวกัน ก็ได้รับแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะอีกคนหนึ่ง ได้รับเลือกเป็นกรรมการกลางพรรคในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 11 ในเดือน ม.ค.2554 และประดับยศนายพลโทในเดือน ก.ค.2556 โดยนายเจืองเติ๋นชาง ประธานาธิบดีเวียดนาม
ทั้งในฐานะกรรมการกลางพรรค และรัฐมนตรีคนหนึ่ง พล.ท.ฝ่ามกวีโง มีสิทธิตามกฎระเบียบที่จะได้จัดพิธีศพอย่างสมเกียรติในระดับรัฐบาล แต่ยังไม่มีการประกาศใดๆ อย่างเป็นทางการในวันอังคารนี้ โซฮาออนไลน์กล่าว.