พลทหารลักรถเจ้านายพร้อมชุดเครื่องแบบยศพลโท ออกมากินเหล้าอวดเด็กดริงก์ร้านคาราโอเกะ ถึงเวลาเช็กบิลกลับไม่มีเงิน แถมอวดเบ่งหวังกินฟรี จึงถูกเจ้าของร้านแจ้งตำรวจมาจับไปดำเนินคดี
วันนี้ (19 ก.ย.) พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผกก.ปป. ร่วมกันสอบสวนนายฉัตรชัย ศรีบุ่งง้าว อายุ 21 ปี หลังแต่งเครื่องแบบทหารครึ่งท่อนมานั่งกินอาหารที่ร้านตุ๊กตาคาเฟ่แอนด์คาราโอเกะ ใกล้สามแยกนนทบุรี เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาโดยร้านดังกล่าวเป็นของนางอุมาพร สุขเกษม อายุ 57 ปี ซึ่งในระหว่างนั้นได้สั่งเหล้าและอาหารมากินเต็มโต๊ะ รวมทั้งเรียกเด็กดริงก์มานั่งคุย จนถึงเวลา 00.20 น. ทางร้านใกล้จะปิดจึงได้ขอเช็กบิลเป็นจำนวนเงิน 1,800 บาท ผู้ต้องหาอ้างว่าแพงทางร้านเห็นว่าเป็นทหารจึงยอมลดให้เหลือ 1,300 บาท แต่นายฉัตรชัยก็ยังทำท่ายึกยักไม่ยอมจ่าย
หลังจากนั้นจึงเดินตรงไปยังที่รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮจ-8616 กทม.ก่อนจะคว้าวิทยุสื่อสารมาเหน็บที่เอว แล้วหยิบเสื้อเครื่องแบบยศนายพลโทกองทัพบกโก้หรูมาใส่ แล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ พร้อมทั้งกล่าวกับเจ้าของร้านว่าเดี๋ยวจะสั่งปิดร้านและกิจการไม่ให้เปิดอีกต่อไป นางอุมาพรเห็นท่าไม่ดีเลยโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจให้มาพาตัวไปสอบสวนที่โรงพัก ซึ่งนายฉัตรชัยเองยังพูดหน้าตาเฉยว่าตนเองเป็นนายทหารยศร้อยเอก ส่วนเครื่องแบบยศพลโทที่ใส่อยู่เป็นของบิดาชื่อ พล.ท.ปวริศ แจ่มสว่าง อายุ 59 ปี ผ.อ.สำนักส่งเสริมการท่องเที่ยว กองทัพบก
เมื่อทาง พล.ต.ต.ธนายุตม์ซักถามไปเรื่อยๆ ว่าเรียนจบนายร้อยทหารรุ่นอะไร ปีไหน ผู้ต้องหาก็ตอบอึกอัก อีกทั้งมีอายุเพียงแค่ 21 ปี ไม่น่าจะเป็นร้อยเอกตามที่แอบอ้างได้ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นรถตู้อย่างละเอียด ก็พบข้าวของเครื่องใช้กระเป๋าเดินทางรวมทั้งนามบัตรของ พล.ท.ปวริศ ว่ามีตัวตนจริงตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง
จากการสอบสวนนายฉัตรชัยอยู่นานจนในที่สุดจึงยอมรับสารภาพว่าตนเองเป็นเพียงพลทหารเกณฑ์สังกัด ร.19 พัน.2 จ.กาญจนบุรี ถูกส่งให้มารับใช้ พล.ท.ปวริศ เมื่อหัวค่ำเจ้านายนอนหลับตนเองเลยแอบเอากุญแจรถตู้ของเจ้านายมาขับและออกมาเที่ยวที่ร้านอาหารดังกล่าว แต่เห็นว่าค่าอาหารแพงเกินไปเลยไปคว้าชุดเจ้านายในรถมาใส่เพื่ออวดเบ่งให้ทางร้านลดค่าอาหารหรือไม่เก็บเงิน แต่นึกไม่ถึงทางเจ้าของร้านจะแจ้งตำรวจมารวบตัวไปโรงพัก
หลังจากนั้นทางนางอุมาพรได้ถามพลทหารฉัตรชัยว่ามีเงินจะจ่ายเท่าไหร่พลทหารฉัตรชัยบอกว่ามีอยู่ไม่กี่ร้อยนางอุมาพรไม่อยากเสียเวลาหาความ จึงยอมรับเงินไปเท่าที่มี ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาพลทหารฉัตรชัย คือ ไม่มีสิทธิจะสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน การกระทำเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบทหาร ที่ทหารยังคงใช้ในราชการโดยไม่มีสิทธิจะแต่งได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จากนั้นจึงประสานไปยังสารวัตรทหารมณฑลทหารบกที่ 11 เขตบางเขนมารับตัวไปดำเนินการตามข้อตกลงของกระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป