ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทางการนครมัณฑะเลย์ จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อดูแลสะพานนายเบ็ง (U Beng Bridge) สะพานประวัติศาสตร์ที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ เนื่องจากอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมหนัก เพราะสร้างมากว่า 160 ปี การเปลี่ยนทางสภาพลมฟ้าอากาศ และการขับขี่รถจักรยานยนต์บนสะพาน กระทั่งการปั่นรถจักรยานก็ทำให้สะพานไม้สักเก่าแก่ทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าทางการมัณฑะเลย์ จะได้ออกระเบียบห้ามขับขี่รถจักรยานยนต์ กับรถจักรยานบนสะพานแล้วก็ตาม แต่มีผู้ปฏิบัติตามน้อยมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวกับหนังสือพิมพ์อีเลฟเว่นนิวส์
“เรากำลังวางแผนรักษาสะพานอูเบ็งให้แข็งแรง โดยจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง จะต้องออกข้อจำกัดเพื่อให้สะพานคงทนอยู่ต่อไปได้ ที่ผ่านมา แม้เราจะได้ห้ามขับขี่จักรยานยนต์ หรือรถจักรยานบนสะพานแล้วก็ตาม แต่ก็มีผู้คนไม่มากที่ปฏิบัติตาม” ดร.มี้นคู มนตรีฝ่ายการเงินและงบประมาณของเขตมัณฑะเลย์กล่าว
คณะกรรมการดังกล่าวจะหาทางฟื้นฟูความสวยงามของอาณาบริเวณรอบๆ สะพานอูเบ็งไปพร้อมกัน เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืน
“สะพานอูเบ็งกับอาณาบริเวณโดยรอบเคยเป็นแหล่งที่มีทัศนียภาพสวยงาม แต่ตอนนี้ทะเลสาบน้ำเน่าเสีย และตัวสะพานเองก็ต้องการการฟื้นฟูบูรณะ สะพานกับทะเลสาบทองตะมานต้องการคนกลุ่มหนึ่งเพื่อช่วยทำให้กลับมาสวยงามอีกครั้งหนึ่ง และให้สะพานอยู่ต่อไปได้คราวเท่านาน” นักออกแบบด้านวัฒนธรรมผู้หนึ่งกล่าวกับอีเลฟเว่นนิวส์
อูเบ็ง มีความยาวเกือบ 1,200 เมตร สร้างขึ้นในช่วงกึ่งคริสต์ทศวรรษที่ 1800 ทอดข้ามทะเลสาบทองตะมาน (Taungthaman) ในเขตเมืองอมราปุระ (Amarapura) ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าในยุคอาณาจักรคนบอง (Konbaung) เป็นไม้สักที่รื้อจากพระราชวังเก่าเมื่อพระเจ้ามิงโดง (Mindong) ทรงย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองกรุงมัณฑะเลย์
ปัจจุบัน อมราปุระ ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนครมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของพม่า
สะพานประกอบด้วยเสาไม้สักกว่า 1,000 เสา แผ่นไม้สักปูพื้นสะพานอีกหลายพันแผ่น ได้ชื่อเป็นสะพานไม้สักยาวที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก.