เอเอฟพี - เด็กและผู้หญิงที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวต่างหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า ขณะที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยออกลาดตระเวนไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่ทางภาคตะวันตกของพม่าในวันนี้ (2 ต.ค.) หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างศาสนาที่ทำให้ชาวมุสลิมเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คน
ประธานาธิบดีเต็งเส่ง คาดว่าจะเดินทางเยือนพื้นที่ที่เกิดเหตุความรุนแรง ในส่วนหนึ่งของการเยือนรัฐยะไข่อย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุนองเลือดระหว่างศาสนาปะทุขึ้นเมื่อปีก่อน และเหตุนองเลือดทางศาสนาได้บดบังกระแสความชื่นชมของนานาชาติต่อการดำเนินการปฏิรูปการเมืองของอดีตนายพลผู้นี้ที่เข้าบริหารประเทศในปี 2554
สหรัฐฯ ระบุว่า มีความรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเหตุความไม่สงบล่าสุด และเรียกร้องให้ทางการตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้วยความเด็ดขาด ในคำแถลงฉบับหนึ่งที่ประกาศโดยสถานทูตสหรัฐฯ ในนครย่างกุ้ง
ผู้ก่อเหตุไม่สงบชาวพุทธประมาณ 800 คน วางเพลิงเผาบ้านเรือนประชาชน และเข้าโจมตีชาวมุสลิมในหมู่บ้านในพื้นที่ของเมืองซันด์เว เมื่อวันอังคาร (1) ตามการระบุของเจ้าหน้าที่
“ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นเป็น 5 คน ประกอบด้วย ชาย 4 คน และหญิงอีกหนึ่งคน“ เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐยะไข่ กล่าว และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหยื่อทั้งหมดถูกสังหารในระหว่างเกิดเหตุความรุนแรงในวันอังคาร
หญิงมุสลิมอายุ 94 ปี ที่บาดเจ็บจากแผลถูกแทงเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า มีชาวพุทธยะไข่ได้รับบาดเจ็บระหว่างเหตุปะทะ 4 คน และสูญหาย 1 คน ขณะที่บ้านของราษฎร 59 หลัง และมัสยิด 1 หลัง ถูกเผาทำลาย นับตั้งแต่ความรุนแรงปะทุขึ้นในวันเสาร์ (28 ก.ย.)
เจ้าหน้าที่ชาวมุสลิมในท้องถิ่นกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงปืนเตือนหลายนัด แต่ไม่สามารถควบคุมกลุ่มม็อบได้
“เรารู้สึกผิดหวังที่เรามีรัฐบาลที่ไม่สามารถให้ความปลอดภัยแก่พวกเราได้ เราใช้ชีวิตอยู่ในความหวาดกลัว หลายคนรวมทั้งผู้หญิง และเด็กต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าที่อยู่ใกล้ๆ” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าว
ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีที่อยู่ในสถานที่ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากปรากฏตัวในพื้นที่ที่เริ่มสงบลงในวันนี้ (2)
ในการเยือนรัฐยะไข่ครั้งนี้ เต็งเส่ง ได้จัดการเจรจาหารือกับสมาชิกชุมชนชาวพุทธ และมุสลิมโรฮิงญาระหว่างการเยือน 2 วัน และใช้เวลาในวันอังคารเยือนพื้นที่ต่างๆ ของรัฐยะไข่ ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมโรฮิงญา
สื่อของทางการรายงานคำกล่าวของเต็งเส่งต่อที่ประชุมซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายความเชื่อว่า เขามีความรู้สึกเสียใจต่อการยั่วยุด้วยการก่ออาชญากรรมเพิ่มเติมเข้าไปในความขัดแย้ง
ระหว่าง 2 ชุมชน และ 2 ศาสนา ซึ่งความไม่มั่นคงที่อยู่บนพื้นฐานของศาสนา และเชื้อชาติเช่นนี้เป็นอันตราย และยังทำให้การปฏิรูปประเทศล่าช้า ทั้งยังทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศในระดับนานาชาติต้องมัวหมอง
องค์กรมุสลิมพม่า 4 แห่ง ออกจดหมายเปิดผนึกต่อเต็งเส่งในค่ำวันอังคาร เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเร่งด่วน
“ความวิตกกังวลของชาวมุสลิมทั่วประเทศพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุด พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่มีความปลอดภัย” ข้อความในจดหมายระบุ
เหตุความไม่สงบที่ปะทุขึ้น 2 ระลอก ในรัฐยะไข่ ทั้งในเดือน มิ.ย. และ ต.ค. ปีก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 200 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮิงญา ที่ถูกปฏิเสธสถานะพลเมือง และมองว่าอพยพเข้าประเทศผิดกฎหมาย นับแต่นั้นความขัดแย้งได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ โดยที่ชุมชนชาวมุสลิมตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มชาวพุทธติดอาวุธ.