เอเอฟพี - สหประชาชาติเมื่อวันอังคาร (11 พ.ย.) เรียกร้องเจ้าหน้าที่ไทยอย่าด่วนเนรเทศชาวมุสลิมโรฮิงญากว่า 200 คนที่ล่องเรือหลบหนีมาจากพม่าและถูกควบคุมตัวขณะกำลังลอบขึ้นฝั่งจังหวัดระนอง เพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังมาเลเซีย
ตำรวจไทยจับกุมชาวโรฮิงญา 259 คน นอกชายฝั่งจังหวัดระนองเมื่อวันเสาร์ (8 พ.ย.) ไม่กี่วันหลังจากรายงานของนักเคลื่อนไหวระบุว่าพบชาวมุสลิมโรฮิงญาหลบหนีออกจากรัฐยะไข่ของพม่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“เรากำลังขอรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ และร้องขอพวกเขาอย่าเพิ่งเนรเทศคนกลุ่มนี้ไปยังสถานที่ที่ชีวิตหรือเสรีภาพของพวกเขาอาจถูกคุกคาม” วิเวียน แทน โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ (UNHCR)ประจำประเทศไทยกล่าว
เธอบอกต่อว่า หากพบผู้ถูกควบคุมตัวจำเป็นต้องหลบหนีการถูกตามประหัตประหาร ทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติก็ขอให้อนุญาตให้คนเหล่านี้พำนัก ได้รับความช่วยหลือและปกป้องในไทยเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะพบแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว
พม่าซึ่งมีชาวพุทธเป็นคนกลุ่มใหญ่มองชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญาของตนเองราวๆ 800,000 คน ว่าเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่อพยพมาจากบังกลาเทศและปฏิเสธรับรองสถานะความเป็นพลเมือง ขณะที่นับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา มีชาวโรฮิงญาหลายพันคนพากันหลบหนีเหตุความไม่สงบออกมาจากรัฐยะไข่ และส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังมาเลเซีย
ในวันอังคาร (11 พ.ย.) พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง บอกกับเอเอฟพีว่าเจ้าหน้าที่กำลังสรุปว่าผู้ถูกควบคุมตัวเหล่านี้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายหรือว่าเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ “ชาวมุสลิมพม่า 259 คนถูกควบคุมตัวในวันเสาร์ ในนั้นมีเด็ก 13 คน พวกเขาบอกว่าต้องการไปทำงานหาเงินในมาเลเซีย ตอนนี้ยังไม่มีนโยบายเนรเทศพวกเขา”
เมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่ของไทยจับกุมชาวโรฮิงญา 53 คนในทางภาคใต้ ฐานลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่หลังจากสืบสวนเพิ่มเติมก็พบว่าพวกเขาเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์
กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ บอกว่าผู้อพยพไร้สัญชาติเหล่านี้บ่อยครั้งมักตกอยู่ในมือขบวนการค้ามนุษย์ แต่ขณะเดียวกันในอดีตก็เคยวิพากษ์วิจารณ์ไทย ต่อการผลักดันเรือที่บรรทุกชาวโรฮิงญาที่เข้าสู่น่านน้ำของไทยกลับสู่ทะเล รวมถึงกรณีควบคุมตัวไว้ในสถานกักขังที่แออัด
