.
เอเอฟพี - ผู้นำเวียดนามต้องเผชิญกับการลงมติไว้วางใจเป็นครั้งแรกในรัฐสภา ที่ควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์ในวันนี้ (10) เมื่อรัฐบาลเผด็จการหาทางที่จะคลายความไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้นของประชาชนต่อการขาดความรับผิดชอบ และการทุจริต
การลงมติไว้วางใจ (ที่จะจัดขึ้นทุกปี) ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเมื่อเดือน พ.ย. 2555 โดยระบุให้นักการเมืองอาวุโส รวมทั้งนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดี ต้องชนะเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาในการลงมติ
กระบวนการดังกล่าวนี้ได้รับการชื่นชมในสื่อของทางการว่า เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นใหม่ที่จะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส และรับผิดชอบ แต่ผู้สังเกตการณ์มองว่า เป็นการโหวตที่ไม่เหมาะสม เพราะขาดแคลนข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ที่เผชิญมติจะถูกประเมิน และคาดว่าผลจะถูกตัดสินล่วงหน้าไว้แล้วอีกด้วย
สื่อของทางการระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่ได้เสียงสนับสนุนน้อยกว่า 50% ติดต่อกัน 2 ปี อาจจะถูกบังคับให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่ผู้สังเกตการณ์มองว่า เป็นกระบวนการที่ยุ่งยาก ช้า และไร้ความหมาย
“ทุกคนจะชนะการโหวต” เหวียน มิงห์ เถวียต กล่าว และอธิบายถึงความวิตกที่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะช่วยเหลือกันเองอยู่เบื้องหลังโดยไม่คำนึงถึงผลงาน
ผลการลงมติไว้วางใจคาดว่าจะประกาศในวันอังคารนี้ (11)
สำหรับการลงมติไว้วางใจที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดที่สุด จะเป็นของนายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง ที่อยู่ในตำแหน่งมาเป็นเวลา 2 สมัยติดต่อกัน แม้ว่าจะไม่ได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนชาวเวียดนามก็ตาม
นายกฯ ยวุ๋ง เผชิญกับสิ่งคุกคามต่อความเป็นผู้นำของตน รวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ที่หาได้ยากจากเจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรค และแม้แต่การเรียกร้องจากสมาชิกสภารายหนึ่งที่ให้ยวุ๋งลาออกจากตำแหน่งซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นกัน
นักวิจารณ์โทษนโยบายของผู้นำประเทศวัย 63 ปีผู้นี้ และรูปแบบการบริหารต่อเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในภาวะย่ำแย่ ปัญหาการทุจริต และหนี้เสียในระบบธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรัฐวิสาหกิจ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่บริหารัฐวิสาหกิจมักโอ้อวดความเป็นอยู่ที่ขัดกันกับรายได้อย่างเป็นทางการของตนเอง ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนต่อการทุจริตคอร์รัปชัน ความไม่มีประสิทธิภาพ และความเสียในภาคส่วนดังกล่าว แต่พรรคคอมมิวนิสต์ควบคุมการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนอย่างเข้มงวด และมักจำคุกผู้ไม่เห็นพ้องกับรัฐที่ตั้งคำถามต่อระบบการเมือง และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง.