พม่าปล่อยนักโทษการเมืองหลายสิบคน สนองอียูหยุดคว่ำบาตร

เอเอฟพี - นักเคลื่อนไหวชาวพม่าเปิดเผยว่า ทางการพม่าได้ประกาศอภัยโทษนักโทษการเมืองหลายสิบคน เพียงหนึ่งวันหลังสหภาพยุโรปเห็นชอบที่จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเกือบทั้งหมดต่อพม่า

นายโบ ยี จากสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า ระบุว่า ในการอภัยโทษนักโทษครั้งล่าสุดมีนักโทษการเมืองรวมอยู่ด้วยอย่างน้อย 59 คน

“ยังมีนักโทษการเมืองมากกว่า 200 คน ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ นักโทษการเมืองควรได้รับการปล่อยตัวอย่างไร้เงื่อนไข” นายโบ ยี กล่าวและว่า อดีตกบฏจากรัฐชาน ทางภาคตะวันออกของประเทศอีก 40 คน ที่ถูกจำคุกจากความผิดค้ายาเสพติด ได้รับการอภัยโทษในครั้งนี้ด้วย นับว่าเป็นเหยื่อการเมืองเช่นกัน

ส่วนนายยาน ลิน นักเคลื่อนไหวจากกลุ่มรุ่น 88 ยืนยันว่า มีนักโทษการเมืองอย่างน้อย 30 คน ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งตัวเลขที่นายยาน ลิน ระบุ ยังรวมทั้งชาวมุสลิม 17 คน ที่ถูกจับ และตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายสภาวะฉุกเฉินจากเหตุปะทะกันทางศาสนาในเมืองจอก์เซ ทางภาคกลาง เมื่อปี 2546

ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลพม่าระบุว่า นักโทษทั้งหมด 93 คน รวมทั้งชาวต่างชาติ 3 คน ได้รับการอภัยโทษในครั้งนี้

“การปล่อยตัวนักโทษครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะอนุญาตให้พวกเขามีส่วนร่วมในการสร้างประเทศ และเป็นไปตามพื้นฐานของมนุษยธรรม” เจ้าหน้าที่รัฐบาลพม่า กล่าว

แพททริค เวนเทรล โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ยินดีกับการปล่อยตัวนักโทษครั้งล่าสุดนี้ แต่เรียกร้องให้ดำเนินการปล่อยตัวนักโทษการเมืองที่เหลือทั้งหมดอย่างไร้เงื่อนไข

พม่าที่ปฏิเสธการมีอยู่ของนักโทษการเมืองมาอย่างยาวนาน ได้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองหลายร้อยคนนับตั้งแต่ประธานาธิบดีเต็งเส่งขึ้นครองอำนาจในเดือน มี.ค.2554 และได้ประกาศทบทวนคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งหมดในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา

กลุ่มเรียกร้องสิทธิมนุษยชนได้กล่าวหาอดีตรัฐบาลทหารพม่าว่าจำคุกฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ผู้ไม่เห็นพ้องกับรัฐ และสื่อมวลชนประมาณ 2,000 คน โดยมิชอบ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปฏิรูปชุดใหม่ของพม่าได้อภัยโทษนักโทษการเมืองแล้วหลายสิบคนในเดือน พ.ย. ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกับที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เดินทางเยือนพม่า

“ผมคิดว่ารัฐบาลปล่อยตัวนักโทษการเมืองเพราะสหภาพยุโรปยกเลิกคว่ำบาตร และเรายินดีกับการปล่อยตัวนักโทษ” นายโต กอว์ หล่าย นักเคลื่อนไหวชาวพม่า กล่าว

ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้กล่าวเตือนว่า สหภาพยุโรปเสี่ยงที่จะสูญเสียอิทธิพลที่มีต่อพม่าจากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้.